My passion, All beautiful things and any nice concern share the world beauty by puy ~ is me

Skincare แต่ละประเภทต่างกันยังไง

 

 

 

วันนี้ Beauty talk จะมาชวนคุยเกี่ยวกับเรื่อง การดูแลผิวพรรณประจำวัน (Skincare Routine) นะคะ เนื่องจากมีหลายๆ คนถามมาว่าปุ้ยมีวิธีดูแลบำรุงผิวอย่างไรบ้าง ก็เลยจัดให้ในหัวข้อนี้เลย ก่อนอื่นขอพูดถึงขั้นตอนการดูแลผิวกันก่อนนะคะ

ขั้นตอนในการดูแลผิวของปุ้ย ทั้งหมด 4 ขั้นตอน ได้แก่

  1. การทำความสะอาดผิว (Cleanse) เพื่อให้สะอาดหมดจดขจัดสิ่งสกปรก ฝุ่นละออง มลพิษและเครื่องสำอาง
  2. การขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ (Exfoliate) เพื่อเผยผิวใหม่ที่กระจ่างสดใส
  3. การเติมความชุ่มชื้นให้ผิว (Moisturize) เพื่อให้ผิวได้รับความชุ่มชื่นที่สมดุลกับธรรมชาติผิวให้ สมบูรณ์
  4. การบำรุงและดูแลผิวโดย เฉพาะ  (Special Care) สำหรับปัญหาผิวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สิว ริ้วรอย จุดด่างดำและสีผิวไม่สม่ำเสมอ สีผิวหมองคล้ำไม่สดใส หรือรูขุมขนกว้าง เราก็ค่อยๆ แก้ไขปัญหาเฉพาะจุดที่เรากังวลโดยการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมเพื่อแก้ปัญหา นั้นๆ

ใน 3 ขั้นตอนแรก ปุ้ยได้เล่าให้ฟังถึงรายละเอียดไปแล้ว สามารถติดตามได้ที่ หัวข้อ การดูแลผิวหน้าขั้นพื้น ฐาน (3-Step Skin Care)
ดังนั้น 
วันนี้เราจะเน้นเฉพาะในขั้นตอนสุดท้ายเป็น พิเศษค่ะ ซึ่งปุ้ยจะเล่าให้ฟังถึง ประเภทของผลิตภัณฑ์ดูแลบำรุงผิว ว่ามีกี่ประเภทกันบ้าง เพื่อให้สาวๆ สามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวและความต้องการในการใช้งานได้ อย่างถูกต้อง

ประเภทของผลิตภัณฑ์ดูแลและบำรุงผิว (Skin Care Type) ที่ปุ้ยจำแนกไว้มีทั้งหมด 6 ประเภทด้วยกันค่ะ

  1. ครีม (Cream) เป็นเนื้อผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นเป็นเนื้อที่มีความหนาแน่น ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วเนื้อครีมจะมีส่วนประกอบของน้ำมันเพื่อช่วยให้ผิวมีความ ชุ่มชื่น ผลิตภัณฑ์ประเภทครีมนี้จึงเหมาะกับคนที่มีสภาพผิวเป็นผิวแห้ง ค่ะ
  2. โลชั่น (Lotion) จะเป็นของเหลวที่มีส่วนประกอบจากน้ำเป็นหลัก จึงใช้ในประมาณที่น้อยนิดและไม่ทำให้ผิวมีความมัน ดังนั้นจึงเหมาะกับคนที่มีสภาพผิวเป็นผิวมัน
  3. อิมัลชั่น (Emulsion) เป็นของเหลวที่มีส่วนผสมของทั้งโลชั่นและครีม เนื้อจะออกขาวขุ่นคล้ายน้ำนม ซึ่งจะคล้ายกับพวกโลชั่นมากกว่าครีม แต่จะมีความเข้มข้นของส่วนผสมมากกว่าเนื้อโลชั่น ส่วนใหญ่เราจะเห็นกันในผลิตภัณฑ์พวกเอสเซ้นส์ (Essence) หรือเซรั่ม (Serum) ที่จะให้การบำรุงผิวในระดับที่เข้มข้น ดังนั้นผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ก็เหมาะทั้งกับคนที่มีสภาพผิวแห้ง ส่วนคนที่มีผิวผสมและผิวมัน อาจจะต้องใช้เฉพาะจุดที่ต้องการบำรุงเป็นพิเศษ
  4. เจล (Jell) เป็นสารกึ่งแข็งกึ่งเหลวจะมีความคงรูป ข้อดีของเนื้อเจล ก็คือ จะลื่นและเกลี่ยลงบนผิวได้ง่ายนั่นเอง ซึ่งเจลก็จะมีส่วนผสมของน้ำมันอยู่บ้าง การเลือกใช้ก็ควรทดลองดูก่อนว่าผลิตภัณฑ์ตัวนั้นทาแล้วทำให้เกิดความมันบน ผิวมากน้อยขนาดไหน ข้อดีอีกอย่างของเจลคือ เป็นสารคงรูป จึงถูกนำมาใช้ในลักษณะของผลิตภัณฑ์ที่ใช้เติมเต็มผิวหรือรูขุมขนได้้ด้วย แต่ก็อาจจะทำให้รู้สึกอึดอัดผิวไปด้วยในทางตรงกันข้าม ค่ะ
  5. มูส (Mousse) เป็นสารที่คงรูปเช่นกัน อาจจะมีส่วนผสมจากสารที่มีความเข้มข้น หนืดและมีเนื้อที่หนัก เค้าจึงอัดบรรจุอากาศเข้ากับเนื้อผลิตภัณฑ์ ทำให้สามารถเกลี่ยลงบนผิวได้ง่ายขึ้น บางชนิดมีการเพิ่มน้ำมันเพื่อให้ลื่นเกลี่ยง่ายขึ้นอีกด้วย ดังนั้น การเลือกใช้สำหรับคนที่มีสภาพผิวมัน ก็ต้องดูว่าผลิตภัณฑ์นั้นๆ มีส่วนผสมของน้ำมันมากเกินไปหรือไม่
  6. ของแข็งบรรจุในของเหลว (Solid Content) เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีของแข็งลอยไปลอยมาอยู่ในเนื้อของเหลวหรือเจล หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารที่สลายเสื่อมสภาพได้ง่าย อย่างวิตามินซีหรือคิวเทน เค้าจึงออกแบบให้คงสภาพของสารโดยบรรจุสารที่สลายง่าย ในเม็ดของแข็งทึบแสดง ซึ่งพอนำมาเกลี่ยลงบนผิวแล้ว เม็ดของแข็งนั้นก็จะแตกตัวให้ของเหลวหรือสารที่อยู่ภายในออกมาผสมกับเนื้อ ผลิตภัณฑ์

หลังจากที่เราได้เรียนรู้ประเภทของผลิตภัณฑ์ไปแล้ว ทีนี้ปุ้ยก็จะมาแนะนำการเลือกผลิตภัณฑ์ตามหลักการง่ายๆ ของปุ้ยเอง ดังนี้ค่ะ

  1. เลือกตามวัตถุประสงค์เพื่อดูแลผิวเฉพาะปัญหาที่เรา กังวลหรือสนใจเป็นพิเศษเป็นหลัก
    ถ้าเรามีปัญหาผิวหลายอย่าง เราอาจจะเลือกแก้ปัญหาทีละอย่าง หรือแก้ไปพร้อมๆ กันเลยก็ได้ ซึ่งการทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวและสามารถช่วยทุเลาหรือบรรเทาปัญหา ของผิวนั้น ก็ต้องใช้เวลา แต่ละคนก็อาจจะเหมาะกับประเภทของผลิตภัณฑ์คนละยี่ห้อกัน เลือกสิ่งที่เหมาะกับผิว ซึ่งอาจจะฟังคำแนะนำจากเพื่อนๆ หรือคนที่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ได้ แต่ไม่ใช่หมายความว่าของอย่างเดียวกันมันจะเวิร์คสำหรับทุกคนนะคะ ข้อนี้ก็ต้องคำนึงไว้อยู่ในสติด้วย
    ส่วนของปุ้ย ปุ้ยแก้ปัญหาไปที่ละอย่างนะคะ อย่างสีผิวไม่สม่ำเสมอ ปุ้ยก็ใช้พวกผลิตภัณฑ์ปรับสีผิวให้กระจ่างใสค่อยใช้ นานเป็นปีกว่าสีผิวจะเริ่มมีความสม่ำเสมอกันทั่วใบหน้า เราอาจจะต้องใช้สครับหรือโทนเนอร์ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเข้ามาช่วยด้วย ต่อมาปุ้ยก็เริ่มกังวลเรื่องริ้วรอยจางๆ ตามวัยก็ค่อยๆ ปรับค่อยๆ บำรุงฟื้นฟูกันไปค่ะ ส่วนของริ้วรอยนี้เราอาจจะเลือกใช้เฉพาะจุดนะคะ จะได้ประหยัด ไม่จำเป็นต้องไปทาครีมบำรุง นอกเนือพื้นที่ที่เรากังวล เพราะ ผิวส่วนอื่นที่ไม่มีปัญหา เราใช้มอยเจอร์ไรเซอร์บำรุงอยู่แล้ว ส่วนปัจจุบันก็แก้ปัญหาเทคเจอร์หรือพื้นผิวที่ไม่เรียบเนียนอยู่ค่ะ การดูแล บำรุงและฟื้นฟูสุขภาพผิวนี่ เป็นอะไรที่ต้องใจเย็นและใช้เวลามากเลยนะคะ อย่าท้อ อย่าละเลย เลยนะคะ
  2. คาแร็คเตอร์ของแบรนด์กับการเลือก ใช้
    ปุ้ยแนะนำให้เปลี่ยนผลิตภัณฑ์ดูแลบำรุงผิว ทุกๆ 3 – 4 เดือนนะคะ เพราะผิวของเราพอได้รับสารแบบเดิมซ้ำๆ มันจะจะถึงจุดอิ่มตัวและเกิดอาการเบื่ออาหารได้เหมือนกัน เราอาจจะต้องเปลี่ยนสารอาหารให้มันหลากหลายบ้าง อีกอย่างที่แนะนำ คือ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ดูแลผิวยกเซ็ทหรือมาจากแบรนด์เดียวกัน เพื่อให้ส่งเสริมประสิทธิภาพในการดูแลผิวให้สมบูรณ์ที่สุด
    ปุ้ยเลยมีวิธีเพิ่มสีสันความสนุกในการดูแลผิว โดยตั้งคอนเซปท์ตามฤดูกาลค่ะ อย่างฤดูหนาว ก็จะเลือกแบรนด์ที่มีคาแร็คเตอร์ที่เน้นการดูแลให้ความชุ่มชื่นกับผิว ฤดูฝนก็จะเป็นแบรนด์ที่ทำให้ผิวผ่อนคลายไม่เหนียวเหนอะหนะ ส่วนฤดูร้อนก็จะเป็นแบรนด์ที่เน้นการดูแลเรื่องการปกป้องและฟื้นฟูผิวจากการ ทำลายของแสงแดด และไม่ทำให้ผิวมัน เหนียวเหนอะหนะด้วย
  3. คุณภาพและราคา ก็มีส่วนในการตัดสินใจเลือกซื้อค่ะ แต่ว่าในบางครั้งคุณภาพแปรผันตามราคา แต่ในบางกรณีของถูกก็ใช้ดีได้เหมือนกัน จริงๆ แล้วควรเลือกตามความเหมาะสมกับงบประมาณที่เรามี อย่างน้องๆ นักศึกษาก็ไม่จำเป็นต้องใช้ของแพง เพราะว่าผิวของเรายังอ่อนวัย ยังไมไ่ด้มีปัญหามาก การดูแลผิวให้ครบทุกขั้นตอนอย่างสม่ำเสมอนั้นสำคัญกว่าการเลือกของแพงมาใช้ นะคะ แล้วก็อีกอย่างที่อยากให้ตระหนักไว้ คือของถูกของแพง ไม่สำคัญ ของให้ถูกกับผิวเราก็พอค่ะ

สุดท้ายเรามาดูเทคนิคการดูแลและบำรุง ผิวกันค่ะ
ปุ้ยมีเทคนิคเฉพาะที่ปุ้ยใช้อยู่มาเล่าให้ฟัง ดังนี้ค่ะ

    1. เทคนิคการทาครีม คือ บีบเนื้อครีมออกมาในปริมาณที่พอเหมาะสำหรับการใช้งาน แล้วแต้มลงไป 5 จุด คือ หน้าผาก สันจมูก คาง และบริเวณแก้มทั้ง 2 ข้าง จากนั้นก็เกลี่ยให้ปลายนิ้วมือเบาๆ ให้ทั่วใบหน้า โดยให้ทิศทางการเกลี่ยและลงน้ำหนักนั้น เป็นทิศต้านแรงโน้มถ่วงนะคะ เพื่อช่วยยกกระชับผิวของเราให้ยกขึ้น แล้วจากนั้นก็ค่อยๆ ใช้ความอบอุ่นจากฝ่ามือ แนบไปที่ผิวหน้า ผลักด้วยแรงเบาๆ เพื่อกระตุ้นให้เนื้อครีมซึมเข้าสู่ผิวค่ะ
    2. การใช้สครับ (Scrub) สัปดาห์ละครั้ง เพื่อ ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพเชิงกายภาพ (Physical) ทำให้เราสามารถเผยผิวใส ได้ไวขึ้น และกระตุ้นให้ผิวสร้างเซลล์ใหม่ จากนั้นก็ตามด้วยมาส์ก (Mask) ที่มีสารบำรุงผิวเข้มข้น เพื่อให้ผิวได้รับสารอาหารเต็มที่หลักจากที่ผลัดเซลล์ผิวใหม่ขึ้น มา
    3. การกระตุ้นผิวด้วยก้อนน้ำแข็ง ในตอนเช้าหลักจากตื่นนอนแล้ว บางทีเรารู้สึกว่าผิวยังไม่ตื่นตัว เราสามารถใช้น้ำแข็งก้อนๆ มาวนๆ ทั่วใบหน้า เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและน้ำในผิวทำงานได้ดียิ่งขึ้น ผิวของเราก็จะรู้สึกสดชื่น พร้อมที่จะรับการบำรุงและเมกอัพได้ดีขึ้นค่ะ
    4. การปกป้องผิวจากแสงแดด ใน ทุกวันและทุกครั้งก่อนที่เราจะต้องออกไปเผชิญกับแสงแดดอย่างน้อย 15 นาที ด้วยผลิตภัณฑ์สำหรับกันแดดโดยเฉพาะ และสำหรับใครที่ต้องออกแดดตลอดทั้งวัน ควรทาซ้ำทุกๆ 2 -3 ชม. ซึ่งผลิตภัณฑ์สมัยนี้เค้าก็ออกแบบให้สามารถทาซ้ำบนเมกอัพได้แล้วด้วย อย่างพวกผลิตภัณฑ์ที่เป็นเนื้อเจลทั้งหลายค่ะ

การใส่ใจทั้งเรื่องขั้นตอน และการเลือกผลิตภัณฑ์นั้น มีส่วนช่วยให้เราบำรุงและดูแลผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปุ้ยอยากให้สาวๆ ทุกคนใส่ใจในสุขภาพของผิว ทั้งภายนอกอย่างการดูแลบำรุงผิว และภายในทั้งอาหารการกิน ออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อผิวพรรณของเราจะได้แข็งแรง ดูสวยใส เปล่งปลั่งแบบสุขภาพดี ซึ่งจะทำให้เราดูดี สดใส และส่งเสริมให้เมกอัพของเรานั้นดูสวยงามและมีเสน่ห์มากขึ้นอีกด้วยนะ คะ