มาเริ่มกันเล๊ย

Buildup: 1 ̶ การเชคตารางวันซ้อม ถ่ายรูปหมู่ และวันรับปริญญา

ขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุด คือ ต้องรู้ก่อนว่า เราจะรับปริญญาช่วงไหน
เราจะได้วางแผนและตระเตรียมงานถูก
และวันที่แน่ๆ ควรจะรู้ก่อนวันงานประมาณ 3 เดือนเป็นอย่างน้อยค่ะ

เพราะว่าจะต้องนัดกับช่างภาพ ช่างทำผม และเตรียมชวนแขกปากเปล่าให้ทราบไว้ก่อน

วันซ้อม ถ่ายรูปหมู่ และวันรับปริญญา 3 วันของเรานี้ จะต้องจดๆ และจำไว้ค่ะ
เพราะว่า ถ้าใครถาม ตอบได้เลย ไม่ต้องรอไปเปิดดูบันทึกหรือตารางเวลาส่วนตัว
(เราต้องมืออาชีพนิดนึง)

Link สำหรับดูตารางวันรับปริญญาค่ะ

จุฬา — http://www.banditcu51.com หรือ http://www.gccu.chula.ac.th

มธ. — http://gotoknow.org/blog/hennypink/199571 (ปี 2551) ปีนีี้ รับจริง 13 สิงหา
ซ้อมย่อย (คณะ) 7 ซ้อมรวม 8 ซ้อมใหญ่ 9 ค่ะ ข้อมูลจากคุณ : ธราธาร ค่ะ
เกษตร ค่า http:/ /www.registrar.ku.ac.th/Graduted/51-52/pre.htm#2 (ข้อมูลจากคุณ BIZZARE ค่ะ)
ศิลปากร รับจริง 16 ก.ค. ซ้อมใหญ่ 14 ก.ค. ซ้อมย่อยของคณะ 13 ก.ค. ค่ะ (ข้อมูล
จากคุณ : potter_k)

ส่วนของมหาวิทยาลัยอื่นๆ ถ้าน้องๆ คนไหนรู้ มาแชร์ด้วยนะคะ พี่ปุ้ยจะได้ใส่ลิงค์รวมไว้ให้

Buildup: 2 ̶ เครื่องแต่งกายในวันรับพระราชทานปริญญาบัตร
(เสื้อผ้า รองเท้า ถุงน่อง และ Accessory)

———— ชุดครุย

แบบตามๆ เค้าไป —
- ก็จะมีร้านตัดชุดครุยมาที่คณะช่วงกลางๆ เทอม สุดท้าย เชคให้ดีว่าจะมาที่คณะเราวันไหน แต่ถ้าไปมหาลัยทุกวัน ก็เจอค่ะ เพราะว่า คงมาแบบให้เห็นๆ กันเลย
- การสั่งตัดจะมี 3 แบบค่ะ
เช่า คือ เป็นชุดที่เค้าตัดไว้แล้ว ไปลองที่ร้าน ตัวไหนใส่ได้ ก็เช่าไปเลย
เช่าตัด คือ เค้าจะวัดตัวและตัดให้ใหม่ตามสัดส่วนของเราค่ะ แต่ว่าใช้งานเสร็จแล้วให้ส่งคืนร้าน
ตัดซื้อ ตัดแล้วซื้อไปเลย เข้าใจง่ายๆ
- ราคา แล้วแต่แบบ แล้วแต่มหาวิทยาลัย ไม่เท่ากันค่ะ แต่ว่า เช่า < เช่าตัด < ตัดซื้อ
ยกตัวอย่าง ของพี่ปุ้ยเป็นครุยจุฬา ก็ 800 บาทค่ะ

แบบตามใจตัวเอง —
อย่างพี่ปุ้ย เป็นคนพิถีพิถันมาก
ขนาดชุดครุย พี่ยังไปหาร้านตัดเอง

ส่วนใหญ่ร้านดังๆ ไปง่ายๆ จะอยู่กันแถวท่าพระจันทร์ค่ะ
ในตรอกมหาธาตุ และตรอกข้างๆ กันก็มี

พี่ปุ้ยอยู่จุฬา ชุดครุยจะเป็นแบบใช้ผ้าโปรงๆ
แล้ว ผ้าชุดครุยเนี่ยมีหลายแบบนะคะ
โชคดีตอนป.ตรี พี่ปุ้ยตัดที่สหกรณ์จุฬา
ผ้าจะเป็นตาข่ายที่โปร่งมาก เส้นตาข่ายบางมาก
จึงถ่ายรูปออกมาสวย คือเห็นตัวเราข้างในด้วย

แต่ว่าของเพื่อนๆ ชุดเค้าจะขาวๆ
เพราะว่าตาข่ายถี่และหนากว่าค่ะ ก็เลยเป็นที่สังเกตต่อมา

การเลือกตัดชุด ให้เลือกผ้าที่ร้านนั้นๆ ว่าใช่ที่เราชอบมั้ย
ลองเปรียบเทียบกันหลายๆ ร้านค่ะ และดูงานตัดว่าประณีตมั้ย
ขนาดของชุดควรพอดีกับตัว ไม่ใหญ่เกินไปค่ะ
เพราะว่า มันจะดูเทอะทะมาก

แล้วช่วงเวลาในการตัด ควรไปตัดก่อนวันงานซัก 3 เดือนค่ะ
เพราะว่า ช่วงนั้น คนจะไม่เยอะ งานจะไม่เร่ง
และเราจะได้ชุดมาถ่ายรูปนอกรอบก่อนวันซ้อมได้ด้วยค่ะ

อย่างร้านที่พี่ไป ตัด 1 อาทิตย์ก็ได้แล้วค่ะ (ร้านปาจรีย์ ตัดไม่เนี๊ยบเท่าไหร่ แต่ว่า เนื้อผ้าโปร่งนิดนึง ก็โอเคค่ะ)

———— ชุดที่ใส่ด้านใน บัณฑิตหญิง

ปกติแล้ว ทางมหาลิทยาลัยจะกำหนดมาให้ค่ะ
จากประสบการณ์ ส่วนใหญ่จะใส่ชุดนิสิตอยู่ด้านใน

ส่วนของ จุฬา
จะมีรูปแบบที่เคร่งครัด ห้ามผิดเพี้ยน
ซึ่งมี ร้านนิสิต ที่วัดหัวลำโพง แนะนำร้านนี้ค่ะ
เพราะว่า แบบถูกเปะ
และก็มีไซส์ให้เลือกตามรูปร่างเรามากกว่า
และแก้ไขให้ได้ค่ะ ผ้าสวยทรงสวย เป๊ะมาก

ถ้าใครต้องการแบบชัวร์ๆ และง่ายๆ
ก็ไปซื้อแบบสำเร็จที่ร้านตัดชุดครุยได้เลยค่ะ
ก็ร้านเทพครีนนิ่ง กับ Excellence ก็มีให้ค่ะ
แต่อาจจะต้องเอากลับมาแก้ทรงเองบ้างตามประสานะคะ

ยังไรแล้ว พี่ปุ้ยขอบอกน้องๆ บัณฑิตทุกคนนะคะ
การที่เราเป็นบัณฑิตได้นั้น นั่นหมายถึง วันรับปริญญา คือ เกียรติภูมิของตนเอง วงศ์ตระกูลและมหาวิทยาลัยค่ะ
การแต่งกายในวันสำคัญยิ่งแบบนี้ ต้องแต่งให้สุภาพเรียบร้อย อยู่ในขอบเขตอันควร
(ไม่ขออธิบายให้ยืดยาว เอาเป็นว่า เป็นที่รู้กันอยู่แก่ใจค่ะ)
ถือเป็นการให้เกียรติกับสถาบันการศึกษาของเราเป็นครั้งสุดท้าย
ก่อนที่เราจะเดินออกไปสู่โลกภายนอกค่ะ
ง่ายๆ ว่า สวยเลิศ แบบมีกาลเทศะค่ะ

—— Accessory พวกกระดุมให้ของเดิมก็ได้ค่ะ แต่ถ้ามหาลัยที่ใส่ครุยแบบเปิดเห็นเข็มขัด

พี่ปุ้ยแนะนำว่า ควรซื้อเข็มขัดเสร็จใหม่ค่ะ
พราะว่ามันจะดูงามกว่าถ้าเข็มขัดสีไม่ซีดเพราะว่าอายุการใช้งานน๊านนาน เกินไป

———— รองเท้า
ทุกคุนต้องใส่รองเท้าหุ้มส้นสีดำ ไม่มีเครื่องประดับหรือลวดลายใดๆ ส้นสูงไม่เกิน 3 นิ้ว (ห้ามใช้หนังแก้ว)
เช่นกัน ถ้าต้องการแบบซื้อง่ายๆ สะดวกๆ ก็ร้านเทพครีนนิ่ง กับ Excellence หรือสหกรณ์จุฬา เลยค่ะ
แต่พี่ปุ้ยไม่ชอบ ไม่เวิร์ค ไม่โดนอย่างแรง ให้บังคับให้ใส่พี่ก็ไม่ยอมอะ

เพราะฉะนั้นการเดินหาซื้อรองเท้าสีดำ เป็นสิ่งที่เราต้องทำก่อนงานรับปริญญาเป็น 3 – 4 เดือน
ถ้าใครเจอถูกใจได้ ก็โชคดีไป เรื่องนี้เป็นความสามารถเฉพาะบุคคลจริงๆ ค่ะ (ใครมีที่ไหนดีๆ แนะนำ มาบอกกันด้วยนะคะ)

เมื่อเราได้รองเท้าที่ถูกใจมากแล้ว ทดลองใส่ซะก่อนนะคะ
เพราะว่า มีโอกาสสูงมากที่วันจริงเราจะโดนรองเท้ากัด เพราะฉะนั้น เราควรกัดมันซะก่อน
ใส่เดินสยามซักวันนึงค่ะ ถ้าทดลองใส่ถุงน่องด้วยยิ่งดี
เพราะว่า การใส่รองเท้าหุ้มส้นกับถุงน่อง นั้นต่างกับไม่ใส่ค่ะ มันจะกัดคนละที่อะ

ถ้ารองเท้ากัด ก็เป็นปัญหาแล้วค่ะ ดูว่าเราจะแก้ปัญหาด้วยกันซื้อคู่ใหม่ หรือว่า จะมีวิธีไหนที่ถนัดกันไป
อย่างพี่ปุ้ยลองใส่ดูแล้ว โอย กัดเจ็บมาก ซื้อมาก็ไม่ใช่ถูกๆ นะเนี่ย แย่จริง
พี่วางแผนไว้ว่าจะแก้ปัญหาด้วยการ เอาพลาสเตอร์ติดลงไปที่ๆ มันกัด

บังเอิญมันกัดตรงปลายนิ้วเนื่องจากรับน้ำหนักเยอะและนานเกินไป

คิดว่าจะเอาฟองน้ำลองไว้ตรงปลายนิ้วด้วยนิดนึง จะลองดู แล้วคิดว่า คงจะไม่เดินเยอะค่ะ

ขอรีวิวรองเท้าหน่อย

รองเท้าของ CHARLES & KEITH
ได้มาจาก Sponsor มาก พอดีพี่ที่รู้จักเค้าไปสิงค์โปร์
แล้วเห็นว่าปุ้ยกำลังหารองเท้ารับปริญญาอยู่เลยซื้อมาฝาก
ทรงสวยมาก ใส่แล้วพอดีเท้าเด๊ะเลย
แต่ว่า ด้วยความที่เป็นหนัง มันก็เลยแข็ง ใส่เดินนานๆ แล้วเจ็บตรงปลายเท้าอะค่ะ เสียดายจัง เดี๋ยวต้องหาวิธีแก้ไขซะก่อน

———— ถุงน่อง
ขอให้เลือกกันตามอัธยาศัยค่ะ ให้เป็นสีที่ตรงกับเนื้อเราที่สุดหรืออ่อนกว่า 1 เบอร์ และควรเป็นเนื้อแบบซัพพอร์ต จะได้ไม่ขาดง่ายค่ะ
ลองปรึกษากับพี่คนขายก็ได้ค่ะ ตามประสบการณ์เค้าก็แนะนำดีนะคะ ขอให้ถามเถอะ
ในช่วงนี้ของ Review ถุงน่องแล้วกันค่ะ

ขอจบบทนี้ด้วยการ Review ถุงน่องและรองเท้าค่ะ

ถุงน่องแบบแรกของยี่ห้อญี่ปุ่น (อ่านชื่อไม่ออกอะ)
อันนี้เน้นเนื้อบางใสค่ะ ใส่สบายไม่อึดอัด แนะนำมากๆ
สำหรับคนที่ไม่ชอบใส่ถุงน่อง ใส่อันนี้น่าจะโอเค เลยค่ะ
เพราะว่ามันไม่หนามาก ใส่แล้วรู้สึกเหมือนไม่ได้ใส่ค่ะ
ซื้อที่แพตตินัม ชั้นที่เดินต่อจากสะพานลอยอะค่ะ ร้านเดินเข้าไปจากสะพานลอยนิดนึง
เป็นร้านขายพวกถุงเท้า

อีกแบบนึง ของ Cherilon เนื้อซัพพอท แบบไม่บางมากธรรมดาๆ
เนื้อจะแน่นกว่าของญี่ปุ่น ใส่แล้วผิวจะเนียนกว่าค่ะ สำหรับคนที่ต้องการปกปิดมากๆ หน่อย สำหรับคนที่ต้องการปกปิดมากๆ หน่อย
ของ Cherilon จะมีอีกแบบนึงที่เป็นเนื้อซัพพอตที่บางกว่านี้ เนื้อจะเงาๆ สวยดีค่ะ แต่จะใส่ไม่ค่อยสบายอะ เพราะว่ามันรัดไปหน่อย

2 รูปแรก นั่นลองใส่ให้ดูแล้วถ่ายแบบใกล้ๆ ที่เห็นนั่นขาพี่ปุ้ยเองนะคะ
จะเห็นว่าแบบของญี่ปุ่นจะดูธรรมชาติไม่ค่อยปกปิดค่ะ ของ Cherilon จะปกปิดเนียนกว่า
แล้วแต่ชอบนะคะ เอามาลองให้ดู 2 แบบค่ะ
สุดท้ายลองเอาสองแบบมาเปรียบเทียบดู ของญี่ปุ่นจาบางกว่าเห็นๆ เลยอะค่ะ คลิ๊ก…..