Commencement Guideline: Buildup 3 ̶ การเสริมสวย (การแต่งหน้า ทำผม เตรียมผิว และทำเล็บ)
Buildup: 3 การเสริมสวย (การแต่งหน้า ทำผม เตรียมผิว และทำเล็บ)
————การแต่งหน้า——
การเลือกช่างแต่งหน้า
ควรเลือกช่างที่เชื่อฝีมือได้นะคะ เช่น เคยเห็นผลงานมาก่อน หรือเพื่อนแนะนำ หรือว่ามีการให้ทดลองแต่งก่อน
ทางเลือกมีหลายทางค่ะ
— ช่างแต่งหน้าตามร้านบิ้วตี้ซาลอน อันนี้ควรจะดูเรื่องชื่อเสียงและผลงานนะคะ
อาจจะไปตามสถาบันที่รับสอนแต่งหน้าก็ได้ค่ะ
— พวก BA ตามเคาเตอร์เครื่องสำอางแบนด์ต่างๆ อันนี้อาจจะรู้จักฝีมือกันเป็นการส่วนตัว
แต่ถ้าไม่รู้จัก ให้ทดลองแต่งก่อนนะคะ
โดยถามให้แน่ชัดก่อนว่า เครื่องสำอางที่เค้าใช้แต่งให้เรานั้น เป็นของแบรนด์อะไร
เพราะบางครั้ง เวลาเค้ารับงานแต่งข้างนอก อาจจะไม่ได้ใช้เครื่องสำอางแบรนด์เดียวกับที่ขายนะคะ
เค้าต้องใช้ของส่วนตัวค่ะ ถ้าใครแพ้เครื่องสำอางตัวไหน ให้แจ้งให้เค้าทราบด้วยนะคะ
— ช่างแต่งหน้าฟรีแลนซ์ รับงานตามเว็บไซต์ค่ะ เดี๋ยวนี้มีเยอะมากค่ะบางคนอาจจะเป็นมืออาชีพ
บางคนเป็นมือสมัครเล่น
แต่ข้อดีของพวกนี้คือ สามารถโชว์ผลงานให้เราเห็นบนเว็บได้ค่ะ
อาจจะมีการตกแต่งรีทัชภาพเล็กน้อยพอสวยงาม
แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้เราเห็นเทรนการแต่งหน้า แบบแนวที่เค้าถนัดค่ะ
ข้อสังเกตคือ ช่างแต่งหน้าแต่ละคน จะมีแนวหรือสไตล์ เฉพาะตัวค่ะ
เราชอบแนวของใคร เราก็เลือกคนนั้นค่ะ
แล้วแต่ความชอบนะคะ อย่าตามเพื่อนค่ะ
ถ้าถามว่าเว็บไหน อันนี้ก็ตอบยากจริงๆ ค่ะ เพราะว่ากระจัดกระจายกันไปตามที่ต่างๆ
ทั้งมัลติพาย บล็อกแก้งค์ พันทิพย์ห้องแป้ง เว็บเวดดิ้งแสควร์ ก็มี
แนะนำให้ Google เอาค่ะ เจอเพียบเลย
การจองคิว ควรจองคิวแต่เนิ่นๆ นะ คอนเฟิร์มให้แน่นอน จ่ายค่ามัดจำได้ยิ่งดีค่ะ เพราะว่า จะไม่ได้ไม่ถูกเบี้ยวคิวนะคะ โดยเฉพาะช่างแต่งหน้าที่ชื่อเสียงดังๆ ต้องจองล่วงหน้านานค่ะ บางคนต้องจองข้ามปี (เหมือนช่างภาพนั้นแหละค่ะ) ถ้าเราไม่คอนเฟิร์ม แล้วมีคนอื่นคนเฟิร์มก่อน เราจะลำบากนะคะ อาจจะได้คิวที่ต้องตื่นเช้ามากๆ นัดแนะกันให้ดีว่า จะไปแต่งที่ร้านช่าง โรงแรม บ้านเราเองหรือว่าที่ไหน ต้องแน่ใจว่า ช่างกับเราสามารถไปยังที่หมายได้ และทันเวลานัดค่ะ ยิ่งช่างแต่งหน้าดังๆ ที่มีคิวหลายคน อาจจะต้องแม่นเรื่องเวลานัดค่ะ เราไม่ควรไปเลท
|
และระหว่างที่รอคิว เราควรจัดการเรื่องส่วนตัวของตัวเองให้เรียบร้อยค่ะ
เช่น อาบน้ำ ล้างหน้า ทาครีม
คือ พร้อมแต่งได้ทันทีที่เพื่อนอีกคนเสร็จแล้ว อะค่ะ
จะได้ไม่เสียเวลา ที่ช่างต้องมานั่งรออะค่ะ
ถ้าให้แน่ๆ ควรเผื่อเวลาไว้สำหรับฉุกเฉินด้วยค่ะ
การกำหนด Requirements แนวแต่งหน้าที่อยากได้
อยากได้สไตล์ไหน โทนสีอะไร แนวไหน ทรงผมแบบไหน
ให้กำหนดให้เรียบร้อยตั้งแต่ตอนนัดเวลาค่ะ เพราะช่างจะได้คำนวณเวลาถูกต้อง
การกำหนด Requirements เป็นเรื่องที่ดีสำหรับเราเองและช่างด้วย
จะได้เข้าใจตรงกัน จะได้ไม่พลาด
ไม่เสียเวลาเดา เสียเวลาแก้ทีหลังอีกค่ะ
ถ้ามีรูปที่เราอยากให้แต่งตามแบบไหน
ก็ส่งไปให้ช่างเค้าดูเลยค่ะ “พี่ๆ หนูเอาแบบนี้นะ”
แล้วอย่าลืมถ่ายหน้าตัวเองกับผมแบบธรรมชาติ ส่งไปให้เค้าดูก่อนด้วย
ช่างเค้าจะได้ประเมินได้ว่าเค้าต้องเตรียมอุปกรณ์อะไรมาเป็นพิเศษรึป่าวอะค่ะ
โดยเฉพาะทรงผม สำคัญมากค่ะ ระยาเวลาในการทำผมแต่ละทรงไม่เท่ากัน
ยิ่งผมม้วนยิ่งใช้เวลานานกว่า ต้องแจ้งให้ทราบแต่เนิ่นๆ หรือถ้าเราเปลี่ยนต้องบอกช่างด้วยค่ะ
ไม่ใช่จะเอาแต่ใจ เปลี่ยนเอาดื้อๆ ตอนนั้นเลย เดี๋ยวจาได้ลอนไม่ทันใจ เอานะคะ
สถานที่ แต่ถ้าใครนัดให้ช่างมาแต่งที่บ้าน จะสะดวกเรามาก
และเราสามารถคอนโทรลแสงได้ค่ะ
ช่วยช่างเค้าหน่อยค่ะ พยายามหาห้องที่มีแสงสว่างเพียงพอ
การแต่งหน้าตอนกลางคืน เป็นสิ่งที่ยากยิ่งค่ะ
เพราะว่าถ้าแสงไม่พอ จะมองไม่เห็นแล้วก็เก็บรายละเอียดไม่ได้ค่ะ
แสง —ที่พอเพียงคือ เราลองเอากระจกส่องหน้าตัวเองอะค่ะ
แล้วเห็นผิวหน้าเราชัดรึป่าว
ถ้าแสงที่บ้านไม่พอ ให้หาโคมไฟค่ะ ซักสองดวง
โดยใช้ไส้ที่เป็นแสง Day light นะคะ
ทิศทาง —ให้ยิงขึ้นฝาผนัง และให้ส่องมาที่หน้าทั้งสองข้างค่ะ
ถ้าแสงแรงไปให้หากระดาษไขหรือกระดาษทิชชู่มาปิดก็ได้ค่ะ
อุณหภูมิ —ก็มีผลนะคะ ควรใช้อุณหภูมิห้องค่ะ
แต่ถ้าร้อนมากจริงๆ ห้องแอร์ก็ได้ค่ะ
แต่ไม่ควรนั่งอยู่ใต้แอร์นะคะ
เพราะว่า จะทำให้พวกครีมรองพื้นแข็งเร็วเกินไปที่จะซึมเข้าผิวอะค่ะ
แต่งหน้าออกมาจาไม่ค่อยเนียน
และสถานที่ควรจะเป็นห้องที่แสงธรรมชาติส่องถึง
หรือไม่ก็ห้องที่สามารถเดินไปหาแสงธรรมชาติให้ง่ายๆ หน่อย
เพื่อให้ช่างพาเราไปเชคกับแสงธรรมชาติ ตอนที่แต่งเสร็จแล้ว เพื่อเก็บรายละเอียดครั้งสุดท้ายค่ะ
กระจบบานใหญ่ๆ — ถ้ามีจาเจ๋งมากค่ะ ช่างจารักมาก
ส่วนใครที่ต้องการจะประหยัดงบ หรือมีฝีมือการแต่งหน้าที่โอเคอยู่แล้ว
อยากจะลองแต่งเอง ก็เป็นทางออกที่ดีค่ะ เหนื่อยหน่อย
แต่อย่างน้อยเราก็จะได้มั่นใจกับคุณภาพที่เราคอนโทรลได้ค่ะ
การแนะนำการแต่งหน้าสำหรับตัวเอง ขออุบไว้ จะเขียน How to ให้ในครั้งหน้านะคะ
อัตราการให้บริการแต่งหน้า
Rate อยู่ระหว่าง 500 – 3500 บาทค่ะ
โดยค่าบริการเฉลี่ย อยู่ที่ 2000 บาทรวมหน้าและผมค่ะ
ขึ้นอยู่กับชื่อเสียง Requirement อุปกรณ์ที่ใช้ วันเวลา ระยะทาง ระยะเวลาที่ให้ จำนวนคนที่รับงานใน 1 ครั้งค่ะ
สำหรับใครที่วางแผนจะแต่งหน้ารับปริญญาด้วยตัวเอง
ปุ้ยก็มีแนวทางและสาธิตการแต่งหน้าไว้ให้ดูด้วยค่ะ ลองไปติดตามที่ How to: Commencement Makeup
และ VDO Get the look: Ecstatic Graduate
————การเลือกทรงผม——
อย่างที่กล่าวไว้แล้ว ควรเลือกทรง (อย่างน้อยคร่าวๆ) ตั้งแต่ตอนที่นัดเวลากับช่าง
จะเกล้า จะปล่อย จะตรง จะถักเปียหรือจะม้วนลอน ก็ว่ากันไป
และสำหรับงานรับปริญญา ต้องเน้นให้ดูสุภาพ เรียบร้อย
ไม่รุงรังค่ะ เพราะเราต้องอยู่กับทรงนั้นทั้งวัน และไม่มีเวลาที่จะมาจัดทรงบ่อย
โดยเฉาะผมหน้าไม่ควรปล่อยเฉยๆ ควรทำอะไรกับมันซักอย่างนะคะ
เพราะว่าเวลาที่เราเหงื่อออก มันจะเละไม่เป็นทรง
อย่างน้อยก็อัดสเปรย์ ติดกิ๊บ จะปัดข้าง หรือจะเสยขึ้น ก็แล้วแต่
อ่อ คำเตือนจากช่างค่ะ อย่าสระผมก่อนนอนคืนจะแต่งหน้านะคะ
ที่ดีที่สุดคือสระเว้นไว้หนึ่งวันหรือ 1 คืน โดยไม่ต้องลงครีมนวดผม
เพราะผมมันจะชื้น ทำให้จัดทรงไม่อยู่ค่ะ
และถ้าใส่ครีมนวดผมก็จะทำให้ลื่นเกินไป
จะทำให้เกล้ายาก และจัดทรงยากค่ะ
โดยเฉพาะคนผมเส้นเล็กและผมบาง
(จากน้องก้อย http://makeupservice.multiply.com)
และควรเลือกทรงที่เหมาะกับรูปหน้าตัวเองค่ะ
หน้ารูปไข่ หน้ารูปไข่เป็นอะไรที่ Perfect ค่ะ จะทำทรงไหนก็ได้ตามใจชอบ
หน้าสี่เหลี่ยม สาวที่มี ลักษณะหน้าผากกว้าง โหนกแก้มเยอะ หรือคางปาด จะเหมาะกับผมที่เป็นลอนอ่อนๆ สไลซ์ ให้ไล่ระดับตามกรอบหน้า จะช่วยเพิ่มความหวาน และพรางช่วงกรามและคางให้ดูกลมกลึงมากขึ้นค่ะ
และผมหน้าอาจจะเป็นหน้าม้าปาดข้าง ช่วยลดพื้นที่หน้าผากได้ค่ะ หรือไม่ก็เสยขึ้นตีโป่งเล็กๆ ด้านบน แล้วไล่ผมลอนหลวมๆ ปลายสะบัดๆ ลงมาที่กรอบหน้า
ปกติคนที่มีคางเหลี่ยมมักจะคิดว่าต้องเอาผมมาปิดหน้าเพื่อให้หน้าดูเล็กลง แต่จริงๆ แล้วเป็นวิธีที่ผิดนะคะ เพราะว่าการที่พยายามปกปิดจะยิ่งทำให้เน้นและดูเด่นชัดมากขึ้น
|
หน้ากลม เหมาะกับทรงผม ที่มีความยาวเลยคางลงไป ทรงที่สวยน่ารักคือผมดัดลอนอ่อนๆตั้งแต่ช่วงปลายติ่งหูลงไป สไลซ์ให้ยาวระดับไหล่
ควรหลีกเลี่ยง ผมดัดหยิกลอนเล็ก ที่มีความยาวระดับคาง
แต่ไม่ใช่ว่าสาวหน้ากลมห้ามรวบผมตึงโดยเด็ดขาดนะคะ
แต่ถ้าต้องการรวบผมตึง มีเทคนิคยกช่วงบนให้สูง
อารมณ์ตีโป่งผมช่วงบน..ทรงนี้สาวหน้ากลมสามารถทำได้ และดูสวยเริ่ดเชียวค่ะ
การที่ยกผมช่วงบนสูง เพื่อที่จะถ่ายน้ำหนักด้านข้างของใบหน้า
ทำให้หน้าดูเพรียวยาวขึ้นได้ค่ะ
หน้ายาวสำหรับผมตรง ควรเพิ่มความกว้างของใบหน้าด้วยผมม้าที่ไม่สั้นจนเกินไป
หรือผมแสกข้าง ปาดเฉียงๆ
และให้เพิ่มวอลุ่มให้ผมด้านหลัง ให้ดูทุยๆ จะช่วยให้ศีรษะดูบารานซ์ขึ้นค่ะ
นอกจากนี้ผมดัดหยิกมีคลื่นเล็กน้อยถึงปานกลาง
ก็สามารถเพิ่มความกว้างให้ศีรษะได้ค่ะ
ควรหลีกเลี่ยง การตีโป่งด้านหน้า อันนี้ไม่ควรอย่างยิ่งค่ะ เพราะจะเน้นให้ใบหน้าดูยาวยิ่งขึ้นค่ะ
หน้ารูปหัวใจ สาวที่มีรูปหน้าแบบนี้คือหน้าผากค่อนข้างกว้าง
หรือเป็นทรงสี่เหลี่ยม มีโหนกแก้มสูง
ส่วนคางแคบ เล็ก แหลม ดวงตาของสาวๆ หน้ารูปหัวใจจะเป็นจุดเด่นที่สุดบนใบหน้า
สิ่งที่ต้องทำคือเบนความสนใจจากโหนกแก้มไปยังส่วนอื่นๆ
และพรางคางที่แหลมเล็ก ให้ดูกลมกลึงได้สัดส่วนมากยิ่งขึ้น
ผมหน้าม้าปาดข้างที่ออกจะฮ็อตฮิตอยู่
จะดูสวยโดดเด่นเป็นพิเศษกับผมดัดคลื่นลอนอ่อนๆ
เพราะบดบังความสูงของโหนกแก้ม และพรางตาไม่ให้คางเล็กแหลม
จะช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนหวานมากยิ่งขึ้นค่ะ
ควรหลีกเลี่ยง ผมม้าตัดตรง เพราะจะเน้นใบหน้าช่วงล่างทั้งคาง
และโหนกแก้มให้ชัดเจนมากไปค่ะ ส่วนการสไลซ์ที่ตัดหยาบๆ ไม่บางเบา ก็จะทำให้โครงใบหน้าเราดูแข็งค่ะ
—–ทรงผมสุดฮิตในงานรับปริญญา —–จากบทความของน้องแป๊ะ (http://www.sushiboy69.bloggang.com/)
ตีโป่ง… สุด ฮิตเลย เพราะการตีโป่ง จะช่วยให้รูปหน้าดูยาวขึ้น
หรือบางคนจะทำให้ดูเป็นทรงกลมๆ นิดๆ ให้เหมือนเป็นซาลาเปาน้อยๆ ก็ดูน่ารักไปอีกแบบ
แต่ถ้าจะให้ดูทันสมัยหน่อย พี่ปุ้ยแนะนำว่า ให้ตีโป่งให้สูงขึ้นด้านบนนิดๆ ไม่ต้องสูงมาก
และอย่าให้ออกข้างค่ะ เพราะจะดูป้าทันที
ทุย… หัว ทุยกลมสวยสำคัญมากในวันรับจริง เพราะ เวลาถ่ายภาพ เราจะหันด้านข้างเป๊ะ
ถ้าหัวทุย รูปหัวก็จะดูกลมสวย ซึ่งสำหรับคนที่หัวไม่ค่อยทุย ก็สามารถยีให้เกิดความพองช่วยได้
และสำหรับคนที่โครงหน้ายาว คางแหลม การทำทุยจะช่วยให้ศีรษะดูบารานซ์ขึ้นด้วยนะคะ
รวบผม… อาจรวบสูงประมาณขวัญ ซึ่งจะช่วยให้คอดูยาวระหง และยังไม่ร้อนอีกด้วย
แต่ถ้าต้องใส่หมวกก็อดไป อาจะต้องรวบมวยต่ำแทน
ทรงนี้พี่ปุ้ยชอบมาก แล้วก็คิดว่าจะทำในงานวันซ้อมกับวันจริงด้วย
ทำทรงนี้ทำให้ดูดีมีชาติตะกูล แล้วก็ดูสง่าด้วยค่ะ
เก็บข้างให้หมด… เป็นกฎของมหาลัยอยู่แล้ว ว่าห้ามปล่อยด้านข้าง
ซึ่งหลายคนอยากจะเอามาปิดแก้มกลมๆ เหลือเกิน มั่นใจไปเลยดีกว่า ตีโป่งนิดๆ ก็ได้ละ…
อีกอย่าง เวลารับใบปริญญาต้องโค้ง ผมจะได้ไม่ร่วงมาปิดหน้าปิดตา ข้อนี้เห็นด้วยกับน้องแป๊ะ อย่างยิ่งค่ะ
รับปริญญาเราควรเปิดให้หมด มันจะได้ดูโหงเฮ้งดีด้วยค่ะ
แล้วอีกอย่าง หน้าบานไม่ใช่เรื่องน่าอายค่ะ มันดูดีได้ในแบบของมันค่ะ
แล้วนึกถึงวันงาน เราจะดีใจมาก เวลาแขกมา
เรายิ้มแก้มปริ ปากจะขยายกว้างมาก มันดูรับกันหน้าดีออกค่ะ
ห้ามเห็นหนังหัว… เป็น ระเบียบของบางมหาลัย ต้องดูให้ดีๆ
ไม่งั้นอาจต้องไปคุ้ยกันทีหลัง ทรงที่เห็นหนังหัวจะเป็นทรงประเภทแบ่งช่อผมด้านหน้าเยอะๆ แล้วบิดเป็นเกลียว
ใส่หมวก… บางมหาลัยที่บัณฑิตต้องใส่หมวก ต้องระวังการเก็บผมด้านหลังให้ดี
จะมัด หรือทำเป็นมวยที่สูงเกินไปจะทำให้ใส่หมวกไม่ได้
ผมห้ามทำสี… บางมหาลัยอีกเช่นกัน
บัณฑิตที่หัวเหลืองหัวทอง หัวน้ำตาล ก็คิดจะย้อมดำกันเป็นแถว
[คิดผิดสุดๆ เพราะการแก้ผมย้อมสีดำให้อ่อนลงเป็นปัญหาโลกแตก มีแต่ทางเลือกที่รุนแรงทั้งนั้น]
———— การเปลี่ยนสีผม ——
|
|
สำหรับบางมหาวิทยาลัยที่ไม่อนุญาตให้ทำสีผม
ทางเลือกที่อยากแนะนำคือ สีเคลือบเงา ค่ะ จะไม่ใช่การย้อมผมแบบถาวร
เพราะสระไป 20-30 แชมพูสีก็หลุดออก
ส่วนสีผมก็จะได้กลับมาเป็นสีใกล้เคียงกับสีเดิมเลย
ผมไม่เสียด้วยค่ะ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่บล็อกของน้องแป๊ะ sushiboy69
- สีดำน้ำเงินเป็นทางเลือกที่น่าสน เพราะความเงางามจะชัดเจนสุด
ส่วนพี่ปุ้ยก็เคลือบเหมือนกันค่ะ จากผมสีท๊องทอง กลายเป็นสีดำสนิทเลย
พี่ปุ้ยใช้ลอรีอัลครีมเคลือบผมที่วางขายในวัตสันค่ะ สะดวกดี
ควรเคลือบก่อนวันงานซัก 1 แชมพูนะคะ
เพราะว่า สระไปสีมันหลุดไปจริงๆ ค่ะ
ถ้าใครคิดจะทำเอง อันนี้คือ ครีมเคลือบสีผม ที่หาซื้อได้สะดวก ค่ะ
กลิ่นฉุนมากหน่อย แต่คุณภาพ ก็โอเค เลยนะคะ
ถ้าทำเอง แนะนำให้ทิ้งไว้แค่ 5 – 10 นาที แล้วรีบล้างออก ไม่อย่างนั้นมันจะกลายเป็นสีผมถาวรค่ะ
แต่ความเนียนและความสม่ำเสมอของสีผม จะไม่เนียนเท่ากับให้ช่างผมทำให้ที่ร้านนะคะ
อีกวิธีที่เค้าใช้กัน คือ สเปรย์ฉีดสีดำ หรือสีน้ำตาลค่ะ
แต่จะไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่ อาจจะต้องใช้มาสคาร่ามาช่วยเก็บรายละเอียดด้วย
แต่ว่าวิธีนี้อาจจะต้องเผื่อเวลาให้ช่างทำผมเยอะหน่อยอะค่ะ
แล้วก็ต้องแจ้งช่างล่วงหน้าจะได้หาอุปกรณ์มาให้ได้ค่ะ
วิธีนี้เหมาะกับทรงที่รวบ หรือจำเป็นต้องใช้เสปรย์ อีดทรงให้แข็งอยู่แล้ว
สเปรย์จะทำให้ผมแข็งและเครือบสีผมทำให้ผมของเราดูเข้มขึ้นได้จริงๆ ค่ะ
ซึ่งตอนทำความสะอาดอาจจะต้อง ใช้หลายแชมพู กว่าจะออกหมด แนะนำให้ไปสระที่ร้านจะดีที่สุด
———— การใช้วิกผม ——
น้องๆ คนไหนที่กำลังอินกับกระแสผมสั้น อย่าเพิ่งถอดใจไปนะคะ
เพราะว่าพี่ปุ้ยเองก็ผมสั้นแหละค่ะ แต่เรามีตัวช่วยค่ะ
การใช้วิก สำหรับงานรับปริญญานั้น
พี่ปุ้ยแนะนำว่า ควรวิกแบบช่อ กับวิกหางม้าค่ะ
ไม่ควรใช้วิกที่เป็นแบบสวมครอบทั้งหัวนะคะ เพราะว่า มันร้อนมากกกกก
วิกราคาไม่แพงเท่าไหร่ หาซื้อตามสำเพ็งค่ะ
ควรเลือกสีที่ใกล้เคียงกะผมจริงนะคะ เลือกแบบที่เป็นเส้นไหมจะถูกกว่าค่ะ
แบบช่อ ห่อละ 550 บาท แบบหางม้า ประมาณ 300 ค่ะ
(ชวนเพื่อนๆ ไปกันหลายๆ คนจะได้ราคาส่งประมาณนี้ค่ะ)
วิกแบบช่อ สำหรับคนที่อยากปล่อยผมค่ะ มีทั้งแบบตรงและแบบผมลอนๆ
ส่วนวิกแบบหางม้า สำหรับคนที่ต้องการทรงเกล้าผมค่ะ
นอกจากนั้นแล้วยังมีวิกแบบโดมสำหรับคนทำผมมวยด้วยนะ
วิกที่ซื้อจากสำเพ็ง ทำจากไหมสังเคราะห์ จะมีความเงามากว่าผมธรรมชาติของเรา
แต่ถ้าประยุกต์กับการแต่งผมด้วยเสปรย์ ก็น่าจะโอเค
ส่วนใครที่พอมีกำลังทรัพย์หน่อย มีร้านแนะนำจากน้องสาวคนสวย (น้อง nichieme)
เค้าบอกว่าอยู่ที่ยูเนียนมอลชั้น1 ชื่อร้าน วินเซด
รับตัดตามออร์เดอร์ด้วยค่ะ ทรงละ 2000-3000 ค่ะ แต่เนียนมากขอบอก
แล้วสมัยนี้มีวิกที่ทำจากผมแท้ธรรมชาติ มีหลากหลายสีให้เลือก
เป็นช่อเล็กๆ หรือเป็นแผงก็มี ราคาค่อนข้างสูงหน่อย ถ้าเอาทั้งทรงเหมือนต่อผม
ก็ราคาประมาณ 3,000 – 4,000 ค่ะ พี่ปุ้ยเคยไปซื้อที่ Union Mall ค่ะ
ออกมาสวยเนียนเหมือนผมจริงๆ ของเรา แถมดูแลรักษาง่ายอีกด้วย คุ้มค่าต่อการลงทุน
ยังไงก็เสนอไว้เป็นอีกทางเลือกนึงแล้วกันค่ะ
————การเตรียมผิว——
ผิวหน้า ก่อนวันงานควรดูแลสภาพผิวเราเป็นพิเศษค่ะ
สำหรับคนที่แต่งหน้าเป็นกิจวัตรอยู่แล้วนั้น พี่ปุ้ยไม่ค่อยห่วงค่ะ
เพราะพวกนี้จะดูแลและมีการบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอยู่แล้ว
ก็ขอให้ก่อนหน้าวันงานซัก 3 วัน
เพิ่มการสครับหน้าและมาร์คบำรุงหน้าให้ชุ่มชื่นหน่อยค่ะ
ส่วนคนที่ปกติไม่ค่อยได้ใส่ใจผิวหน้าเลย
ควรอย่างยิ่งที่จะต้องถึงเวลาบำรุงกันเป็นพิเศษหน่อยค่ะ
เพราะอะไรเหรอคะ
ก็เพราะว่า ผิวหน้าที่ขาดการบำรุงและแห้งกร้าน จะแต่งหน้ายากค่ะ
ลงรองพื้นแล้ว รองพื้นอาจจะไม่ซึมเข้าผิว อาจจะลอยอยู่อย่างนั้น ทำให้หน้าไม่เนียน
เคยเห็นคนที่ลงรองพื้นแล้วหน้าเป็นคราบมั้ยอะค่ะ
หน้าเป็นคราบ แป้งแตก อะไรแบบนี้
การบำรุงผิวช่วยได้ค่ะ
ถ้าทำเองไม่ได้ ก่อนถึงวันงานซัก 1 สัปดาห์ลองเดินเข้าคลินิกบำรุงผิวก็ได้ค่ะ
เข้าครอสบำรุงหน้านิดนึง เอาครอสเบาๆ แค่ให้ผิวชุ่มชื่นขึ้น
และหลังจากนั้นให้บำรุงผิวเป็นพิเศษทุกวันค่ะ
มีอะไรก็โบกๆ เข้าไปค่ะ (คนแพ้ง่ายก็ระวังหน่อยนะคะ ^ ^)
ง่ายๆ ก็โยเกิร์ต 15 นาที ตามด้วยน้ำผึง นวดๆ คลึงๆ ซักพักนึง
หน้าจะนิ๊มนิ่ม ล้างหน้าให้สะอาด
แล้วตามด้วยครีมที่มีวิตามินอีหรืออโลเวลล่า อะไรก็ตามที่ช่วยให้หน้าชุ่มชื้นอะค่ะ
ส่วนวันงาน ทาครีมกันแดดให้เรียบร้อยนะคะ
แสงแดด จอมร้ายกาจ ไม่ใช่แต่ทำให้ผิวเราคล้ำขึ้นเท่านั้น
มันทำให้หน้าเราแก่ก่อนวัยอันควร ด้วยอะซิ
พี่ปุ้ย เกิดมา 26 ปี ไม่เคยมีตีนกาเลย แต่เดือนที่แล้วไปเที่ยวเกาะล้าน
แบบว่าหลั่นล๊าไปหน่อย ถ่ายรูป ตามแดด พอเอารูปมาลงคอม
กรี๊ดดดดดด……………… ชั้นมีตีนกาแล้ว Y Y
อีก 2 อาทิตย์ต่อมา ถ่ายรูปรับปริญญานอกรอบ ตากแดดอีก แงๆ ริ้วรอยลึกว่าเดิม เศร้าสุดๆ
ต้องยอมรับว่าตัวเองแก่แล้ว ก็คราวนี้หละนะ
ส่วนผิวกายก็กันแดดกันตามอัธยาศัย เลือกที่ไม่ค่อยเหนียวเหนอะหนะนะคะ
จริงๆ ชุดครุยก็พอกันแดดได้เราได้ระดับนึงอยู่แล้วแหละ
———— ทำเล็บ
ทำไงก็ได้ให้เรียบร้อย ไม่แน่ใจว่าให้ทาสีหรือเปล่า แต่ที่จุฬา ไม่เห็นเค้าตรวจเลยอะค่ะ
แต่ทางที่ดีที่สุดให้ดัดเล็บให้สั้น
ตะไบให้สวยแล้วทางสีเคลือบให้เล็บเงาๆ หน่อยก็พอแล้วค่ะ
พี่ปุ้ยแนะนำอันนี้ Revlon GROW 10 Nail Protein Strengthener with Protium
ใช้เคลือบเล็บทำให้เงางามและแข็งแรงขึ้นค่ะ
จะใช้สำหรับลงเป็น Base หรือเป็น Top Coat ก็ได้ค่ะ
พบกันครั้งหน้ากับ Buildup: 4 การถ่ายภาพ (เลือกช่างภาพ นัดคิว และนัดเวลา) ค่าาา
สำหรับสาวๆ ที่ต้องการเซพบทความนี้ไว้อ่าน สามารถดาวน์โหลด ได้ที่ไฟล์แนบนะคะ
ทักทายครับผมจัดไปครับ ทำ web ขายของ | รับทำเว็บ | รับทำเว็บไซต์
ทักทายครับผมจัดไปครับ ทำ web ขายของ | รับทำเว็บ | รับทำเว็บไซต์
สีเคลือบ จะ อยู่แค่ 1 เดือนค่ะ (ตามที่ช่างทำผมบอก) แต่เวลาทำอย่าทิ้งไว้นานเกิน ไม่งั้นก็จะไม่ต่างจะสีย้อมอะค่ะ มันก็จะติดอยู่กับผมเราไปตลอด จนกว่าจะตัดผมออกไป
แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว ตอนทำปุ้ยทิ้งไว้ 20 นาที มันก็อยู่มา 3 เดือนยังไม่หลุดออกไป แต่พอหลังจากนั้น ค่อยๆ จางลง แต่ไม่กลับไปเป็นสีอ่อนเหมือนเดิมค่ะ
คุณปุ๊ยค่ะขอถามเรื่องเคลือบสีผมกับโกรกผมย้อมผมมันเหมือนกันไม๊ค่ะแล้วถ้าต่างมันต่างกันอย่างไร
ขอบคุณค่ะจะลองไปเดินดูน่ะค่ะ
ไม่แน่ใจเลยค่ะ เคยเห็นตามพวกขายอุปกรณ์แต่งหน้าของห้างเซนทรัล แต่ราคาพอๆ กับของ Make up store เลย 400 บาทค่ะ
ขอบคุณค่ะที่ตอบกลับ ตาม บู๊ทหรือวัตสันจะมีไม๊ค่ะ
เคาเตอร์ Make up Store ค่ะ
อุปกรณ์ช่วยติดขนตาซื้อที่ไหนค่ะ
เรื่องยี่ห้อ ก็ตามข้างบนบล็อกที่ถ่ายรูปมาให้ดูเลยค่ะ ซื้อตามวัตสัน
ส่วนถ้าทำสีผมเองได้ ก็ลองทำเองก็ได้ค่ะ ประหยัด
สีที่แนะนำก็น้ำตาลเข้มธรรมชาติค่ะ
ถ้าเครือบแล้วสระทุกวัน ประมาณ1เดือน สีแน่จะกลับมาเหมือนเดิม
จ้อควรระวัง อย่าเครือบซ้ำหลายรอบ เพราะมันจะติดไม่หลุด เหมือนของปุ้ย 3เดือนแล้วยังไม่หลุดเลยค่ะ
ขอถามเรื่องสีเคลือบผมหน่อยค่ะ
ว่าควรซื้อสีอะไร เบร์ไหน ยี้ห้ออะไร
ควรทำเองหรือให้ช่างทำ
สระกี่ครั้งจึงจะกลับมาสีเดิมคะ
คือเสียดายสีเดิมมากๆๆ
หรือมีข้อแนะนำอื่น บอกได้นะคะ
ขอบคุณคะ
ก็รับบ้างค่ะ
เน้นแต่งหน้า แตทำผมพี่ไม่เก่งค่ะ http://puyisme.multiply.com/journal/item/24
แบบนี้พี่ปุ้ยรับแต่งหน้าทำผมด้วยหรือเปล่าคะ ชอบจังเลยค่ะ
คำแนะนำดีมากๆเลยคะ
แล้วจะแวะมาอ่านบ่อยๆนะคะ ^ ^
เยอะมากกก
ดีจังเลยจ้า เขียนรายละเอียดต่างๆไว้ครบถ้วนเลย
อิอิ
พี่ก็ได้เทคนิคดีๆ มาจากก้อยเยอะเลยนะ
ตอนรู้จักกันแรกๆยังบ่นเรื่องทีซีสอยู่เรย ตอนนี้จบโทแล้วยินดีด้วยน๊า
แล้วพี่ปุ้ยก้อยังเขียนเก่งเหมือนเดิม น้องปลื้ม อิอิ
ไว้จาเอามารีวิวให้ดูนะคะ
ขนตาปลอมสำหรับติดรับปริญญาต้องติดให้โอเว่อร์ๆ นิดนึงค่ะ ไม่งั้นจะถ่ายรูปออกมาไม่เห็นเลย
ขนตาปลอม ซื้อของอะไร ที่ไหนดีอ่ะคะ
แนะนำได้ไหม
น้องแก็ป รับเมื่อไหร่คะ
หรือรับไปแล้ว
แวะมาดูเรือ่ยๆ นะคะ พี่อัพเดทเรือ่ยๆ Content ยังไม่นิ่ง
มีอะไรเสริมได้
ว่าไปลืมพูดถึงขนตาปลอม
พี่ปุ้ยขยันจังค่ะ อุตส่าห์เขียนเรื่องดีๆ ตั้งหลายเรื่อง (สามารถเอาไปปรับใช้กับการเตรียมตัวในเรื่องอื่นได้ด้วย) ขอเซฟเป็น favorite นะคะ ^^
คุณปุ้ยใจดี สอนเรื่องดีดีมากมาย ขอบคุณค่า
เห้ยๆ อันนี้ โดน เป็นประโยชน์ แรง
++++ ^^ ดีจังเลยครับ