Commencement Guideline: Round off การปิดงานรับปริญญาอย่างสวยงาม

หลังจากที่เล่าถึง Commencement Guideline ใน 2 หัวข้อ ไปแล้ว คือ

Buildup การเตรียมพร้อมและวางแผนก่อนถึงวันรับปริญญา

Carry Out การปฏิบัติตัวในวันรับปริญญาให้เฟอร์เฟค

ทีนี้มาถึงขั้นตอนสุดท้ายกันบ้างค่ะ

ขั้นตอนนี้ขอแบบชิวๆ เพราะว่าเหนื่อยมามากแล้ว Cool down กันซักหน่อยค่าาาาา

Round off การปิดงานรับปริญญาอย่างสวยงาม
Round off: 1 งานเลี้ยงฉลองรับปริญญา
Round off: 2 การดูแลตัวเอง หน้า ผม ก่อนสลบ (ขอเพิ่มหัวข้อ)
Round off: 3 การนัดรับรูป อัพรูป
Round off: 4 การขอบคุณแขกผู้มาร่วมงาน

มาๆๆๆ เริ่มเลยค่าาา

Round off: 1 งานเลี้ยงฉลองรับปริญญา

ถ้าคิดจะใส่ชุดครุยไปเลี้ยงฉลองกับเพื่อนๆ ต่อ แนะนำให้เลือกสถานที่ที่ดูเหมาะสมหน่อยนะคะ น้องๆ ขา
แต่ถ้าจะไปคลับหรือไปผับ หรือแม้แต่ร้านที่นั่งชิวๆ ฟังเพลง ก็ขอให้เปลี่ยนชุดไปเวท จะดีกว่าค่ะ

ถ้าช่างาภพใคร ยังไมเหนื่อยหรือใจดี จาพาเค้าไปฉลองร่วมด้วย แล้วเก็บภาพบรรยากาศ ซัก 3-4 รูป จะแจ่มมากค่ะ

แต่ช่างภาพส่วนใหญ่จะไปกันไม่ไหวอะค่ะ แบบวว่าเหนื่อยมากทั้งวันแล้ว

อย่างไรก็ดี งานเลี้ยงฉลองรับปริญญา ก็ถือเป็นส่วนนึงในงานมงคลอันมีเกียรติของเรา ขอให้รักษาภาพลักษณ์ของบัณฑิตไว้นิดนึงนะค๊าาาาาา

Round off: 2 การดูแลตัวเอง หน้า ผม ก่อนสลบ

ถึงบ้านแล้ว ทีนี้ก็มาถึงการจัดการกับหน้าและผม ที่แต่งมาซะเต็มยศ

หน้า — ใครติดขนตาปลอม ให้ดึงออกซะก่อนค่ะ วิธีดึงให้ดึงจากหางตาไปทางหัวตานะคะ ดึงเหมือนลอกสติกเกอร์เลยค่ะ
การล้างหน้า ให้ล้างด้วยโฟมล้างหน้าก่อน 1-2 ครั้ง เพื่อให้พวกป้งกับของที่ล้างออกง่ายๆ หลุดออกมาก่อนค่ะ
จากนั้นตามด้วย ออยคลีนซิ่ง วนๆ นวดๆ ให้ทั่ว โดยเฉพาะรอบดวงตา แล้วใช้สำลีเช็ดออก
แล้วก็ ล้างด้วยออยซัก 2-3 รอบ จนกว่า จะแน่ใจว่าหน้าสะอาด
แล้วตามด้วยโฟมล้างหน้าอีกครั้งนึงค่ะ
ถ้าใครขยัน จะให้วิธี โฟม สลับกับ ออย ซัก 3 รอบก็ได้ค่ะ

การบำรุงเพื่อฟื้นฟูผิว ใช้วิธีเดียวกับตอนบำรุงเพื่อเตรียมผิวค่ะ ยังจำกันได้มั้ยเอ่ย

ใช้โยเกิร์ต 15 นาที ตามด้วยน้ำผึง นวดๆ คลึงๆ ซักพักนึง หน้าจะนิ๊มนิ่ม ล้างหน้าให้สะอาด
แล้วตามด้วยครีมที่มีวิตามินอีหรืออโลเวลล่า อะไรก็ตามที่ช่วยให้หน้าชุ่มชื้น และฟื้้นฟูผิวจากการโดดแดดมาทั้งวันค่ะ

ถ้าใครเหนื่อยมาก ทำขั้นตอนเยอะแยะไม่ไหว ก็ใช้ครีมที่มีวิตามินอี โบกลงไปเยอะๆ ก็พอแล้วแหละค่ะ

แล้วก็เข้านอน หลับฝันดี ^ ^

Round off: 3 การนัดรับรูป อัพรูป

เมื่อถ่ายภาพแล้ว ช่างภาพจะนำภาพไป Process ก่อนที่จะส่งให้เราค่ะ
เหมือนเมื่อก่อนที่เป็นระบบฟิล์ม ช่างภาพจะนำฟิล์มไปล้างในห้องมืด แล้วจึงนำมาอัดให้เราได้
แต่สมัยนี้ ถึงจะเป็นภาพไฟลฺดิจิตอล แต่การทำ Process ของภาพก็ยังคงมีอยู่ค่ะ แทนที่จะเป็นห้องมืด ก็เป็นห้องสว่างแทน (เปรียบเทียบ) ซึ่งจะมีการแปลงไฟล์ ย่อขนาด ปรับแสง ปรับสี และ รีทัชบางอย่าง เป็นต้นค่ะ
เราต้องเข้าใจตรงนี้ของช่างภาพด้วยค่ะ ไม่ใช่ว่า ถ่ายวันนี้จะเอาพรุ้งนี้
ถ้าอย่างนั้น ช่างภาพจะให้ Raw File เรามา แล้วที่เหลือเราต้องไปทำเองอะค่ะ

และอย่างที่บ่นเอาไว้แล้วว่า ช่างภาพที่มีชื่อเสียง เค้าจะรับงานมาก ซึ่งระยะเวลากว่าจะได้รูปของเราก็จะนานไปด้วย
ตกลงกันให้ดีตั้งแต่ก่อนจ้างว่าเราจะได้รูปช่วงไหน ถึงเวลาแล้วค่อยไปทวงค่ะ

ส่วนใหญ่แล้ว ช่างภาพจะส่งงานเราในรูปแบบ DVD ซึ่งเราจะต้องไปอัดรูปเอง
เรื่องการอัดรูป อย่างไร ก็ลองถามช่างภาพก็ได้ค่ะ ว่าไปอัดร้านไหนดี เผื่อว่า ช่างภาพเค้ารู้จักล้างที่คัดอัดประจำ จะได้สีของรูป เป๊ะ กว่าที่เราไปหาร้านอัดเอง
เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับการ Color Management แบบว่า สีที่เห็นในจอคอม กับสีที่เห็นตอนปรินท์ลงกระดาษอัดรูปแล้วจะไม่เหมือกัน ขึ้นอยู่กับการทำ Color Management ของแต่ละร้านด้วยอะค่ะ ถ้าช่างภาพ ถนัดที่จะดีลกับร้านไหน เค้าจะรู้ว่าสีทีได้เมื่อปรินท์ลงกระดาษแล้วจะได้ประมาณไหน

แต่ถ้าใครไม่แคร์ ก็ไปร้านไหนก้ได้ค่ะ

และคำแนะนำเพิ่มเติม เกี่ยวกับ DVD
สิ่งหนึ่งที่น้องๆ มักมองข้าม คือ คุณภาพของแผ่น DVD ที่ช่างภาพใส่ให้น้องๆ
แผ่น DVD มีหลายเกรด ทำให้อายุการเก็บรักษายาวนานขึ้น
อยากให้สอบถามด้วยว่า ช่างภาพ ใช้แผ่น DVD แบบไหน ของดีหรือเปล่า
แผ่นถูกๆ 8-10 บาท แผ่นดีๆ 30-เป็นร้อยบาท ถ้าเทียบกับเงินที่น้องๆ เสียไป มันน้อยมากนะคะ
ควร เน้นย้ำให้ช่างภาพ ใช้แผ่นดีๆ ยี่ห้อดีๆ ให้เรา เพื่อการเก็บรักษาภาพแห่งความทรงจำไปนานๆ ค่ะ (ข้อมูลแนะนำจากคุณ : Benznoi ซึ่งบอกว่า ใช้ มิซูบิชิ ทั้งแผ่น สกีน และแผ่น backup)

และฝาหบอกสำหรับช่างภาพค่าาาาา การไรท์แผ่น DVD ควรจะใช้ความเร็วในการบันทึกต่ำๆ หน่อยนะคะ
อย่างน้อยก็ให้ต่ำว่าความเร็วสูงสุดที่จะไรท์ได้ซักครึ่งนึงค่ะ
คำแนะนำนี้จาก ช่างภาพแจน (Jan007′s atelier) โดยให้เหตุผลว่า การที่เราใช้ความเร็วต่ำ โอกาสผิดพลาดของไฟล์จะน้อยกว่า และการจัดเก็บข้อมูลในแผ่นจะจัดเรียงได้สมบูรณ์กว่า รวมทั้งยังสามารถนำไปเปิดกับเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าๆ ได้ ค่ะ

เรื่องการแบ็คอัพไฟล์ ก็เป็นสิ่งสำคัญนะคะ ได้ DVD มาแล้วนอกจากเปิดดูด้วยความตื่นเต้นแล้ว อย่าลืมแบ็คอัพไฟล์เก็บไว้หลายๆ ที่นะคะ เพราะว่าอะไรมันก็ไม่แน่ไม่นอน DVD อาจจะเสีย หรือสูญหาย หรือแม้แต่ฮาร์ดดิสของเราเอง ก็มีโอกาสพังขึ้นมาได้ค่ะ

ดังนั้นให้ Backup ไว้หลายๆ ที่ค่ะ เช่น Hard disk, DVD, PC

ถ้ารูปหายไปแล้ว ทีนี้จะถ่ายใหม่ก็ลำบากนะคะ

คำแนะนำสำหรับช่างภาพ มืออาชีพ ควรจะ Backupไฟล์ไว้ให้ลูกค้าด้วยนะคะ เพราะว่า บางทีลูกค้าทำภาพหาย จะได้มาถามหาจากช่างาภพได้

อย่าง ช่างภาพแจน (Jan007′s atelier) บอกไว้ว่า ปุ้ยถ้้าไฟล์หายมาถามหาที่แจนได้ แจนเก็บไว้ให้ลูกค้าทุกคนตลอดชีวิตของฮาร์ดดิสและของแจน ^ ^

เรื่องการอัพโหลดรูป ใครบางคนเป็น Blogger สาวยุคไซเบอร์ ก็ต้องเอารูปมาโชว์ใน Blog หรือในเว็บแชร์รูปต่างๆ
อย่าตื่นเต้นจนลืมที่ Waterprint ก่อนนะคะ
รูปที่ถ่ายมา เป็นลิขสิทธฺ์ของเราและช่างภาพ ดังนั้น หากเราไม่สวงนลิขสิทธิ์ของเราไว้ ใครๆ ก็จะนำไปใช้ได้นะคะ
(อ่านวิธีการสงวนสิทธิ์ของเราได้ที่นี่ค่ะ License your work with Creative Commons)

อย่างพี่ปุ้ย ปกติแล้วก็จะใส่ อ้างอิง ชื่อและเว็บของช่างภาพ ช่างแต่งหน้า และนางแบบค่ะ
ส่วนใครจะอ้างอิงสถานที่ด้วย ก็เป็นการดีมากเลยค่ะ แต่ถ้าในเซ็ทเดียวกันมีไปถ่ายหลายที่ อันนี้ก็จะลำยากหน่อยค่ะ

ให้ดูตัวอย่างของการทำ Waterprint ค่ะ

ได้รูปและอัพโหลดรูปแล้ว อย่าลืมเอาลิงค์มาแชร์กันบ้างนะคะ

Round off: 4 การขอบคุณแขกผู้มาร่วมงาน

เป็นสิ่งที่สำคัญอีกอยางหนึงค่ะ

เพราะว่า แขกของเราแต่ละคนกว่าจะเครียคิวมางานรับปริญญาเราได้ ก็ไม่ใช่ง่ายๆ
แล้วไหนบางคนจะเอาของติดไม้ติดมือมาฝากเราอีก เนอะ เราก็ต้องขอบคุณเค้าหน่อย

วิธี ที่ใช้กันบ่อยๆ ได้แก่

1. การกล่าวขอบคุณด้วยวาจา

2. การให้ของชำร่วย หรือการ์ดขอบคุณ ซึ่งสามารถให้ได้ในวันงานเลยค่ะ
อาจจะทำการ์ดเล็กๆ ที่เราทำเอง ปริน์ใส่กระดาษ แล้วเขียนข้อความขอบคุณลงไป
หรืออาจจะปรินท์เป็นรูป 2P หรือ 4P ก็ได้ค่ะ ง่ายและดูดีไปอีกแบบ

3. การโทร หรือส่ง sms ขอบคุณ ถ้ามีโปรเยอะๆ และมีเวลาพอค่ะ

4. การส่งรูปที่ถ่ายคู่กันในงานไปให้แขกที่มาร่วมงานค่ะ ถือเป็นมารยาทที่ถือปฏิบัติกันเหมือนกันค่ะ

สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณผู้อ่านและผู้ให้ข้อเสนอแนะทุกท่าน นะคะ

ถ้ามีอะไรที่จะให้คำเสนอแนะเพิ่มเติม พี่ปุ้ยยินดีเป็นอย่างยิ่งเลยค่ะ

และถ้าน้องๆ คนไหนมีคำถาม ก็มาถามได้ที่ Facebook ของพี่ปุ้ยนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ

Photo-shot by: Jan007′s atelier