How to: Commencement Makeup by " PuY~ is me " ♥
Commencement Makeup by ” PuY~ is me “ ♥
จากที่ได้เขียนเทคนิกการแต่งหน้างานรับปริญญาไว้เมื่อมื่อปีที่แล้ว
และได้เขียน Commencement Guideline (เตรียมพร้อมเพื่อวันรับปริญญา วันแห่งความทรงจำของบัณฑิตสาวยุคทนสมัย) จบไปแล้วนั้น
คราวนี้มาพูดถึงงเทิคนิการแต่งหน้าแบบลงรายละเอียดทุกขั้นตอนกันบ้าง
คิดว่าหลายๆ คนคงรอคอยมากนานแสนนาน คราวนี้มาตามสัญญา มิให้ผิดหวังค่าาาาาาาา
เอารูป Before – After มาให้ดูยั่วนำ้ลายกันก่อนค่ะ
ขอเริ่มจากการสรุป เทคนิคการแต่งหน้างานรับปริญญา
1. การใช้เบสเมกอัพ สำหรับคนที่หน้าค่อนข้างมัน อย่าลืมลงเบสควบคุมความมัน
และที่สำคัญที่สุดลงครีมกันแดดด้วยนะคะ
2. รองพื้นให้เรียบเนียนและควรใช้รองพื้นแบบน้ำหรือครีม เพื่อคงคงทนตลอดทั้งวันค่ะ
ควรหลีกเลี่ยงการใช้รองพื้นแบบแป้งผสมรองพื้นนะคะ เพราะว่าติดไม่ทนและโดนเหงื่อแล้วอาจจะเป็นคราบ
3. ไฮไลท์ เฉดดิ้งลงน้ำหนักให้ชัดเจน กว่าการแต่งหน้าปกติ เพราะว่าวันนี้เราจะสวยในรูปถ่ายค่ะ
การลงสีที่จัดกว่าความจริงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับวันนี้
เพราะว่าอยู่กลางแดดและถ่ายรูปแล้วสีในรูปจะดรอปลงอีก 20-30 % เลยค่ะ
4. สีที่ใช้ในการแต่งตา ควรเป็นสีที่สุภาพ เช่น สีชมพู น้ำตาล ทอง
ส่วนสีเข้มๆ เน้นบริเวณหางตาและใกล้ขอบตาค่ะ ช่วยให้ตาดูโตขึ้น
น้องๆ ที่ไม่เคยแต่งหน้า งานนี้ต้องแต่งให้เข้มนิดนึงค่ะเพราะว่าทุกคนแต่งหมด
ไม่ต้องกลัวว่าเราจะดูแต่งหน้าจัด เพราะว่าทุกคนแต่งจัดทั้งนั้นค่ะ
ถ้าเราแต่งแนวธรรมชาติ เราจะดูดรอปลงไปทันที แล้วเรื่องการถ่ายรูป เหมือนข้อ 3 ค่ะ สีจะดรอปลงไปเองในรูปถ่าย
5. แก้มใช้โทนสี ชมพูอมส้ม ส้ม หรือน้ำตาลค่ะ เพื่อให้ดูสุภาพ ปัดเป็นวงรีเฉียงขึ้นไปทางโหนกแก้มค่ะ
6. ลิปสติกก็ใช้โทนสุภาพ เช่น สีชมพูอ่อนๆ ชมพูอมส้ม สีส้มออกนู๊ดๆ ก็ได้
แล้วตามด้วยกลอสเพื่อให้ปากดูสวยน่ารัก สุภาพแต่สมวัยค่ะ
ส่วนทรงผม ทำทรงที่สุภาพแล้วเข้ากับใบหน้าค่ะ
แต่มีข้อระวังหน่อยคือ สระผมรอไว้ตั้งแต่เย็นวันก่อนหน้าวันงาน แล้วไม่ต้องลงครีมนวดผมค่ะ ผมจะได้อยู่ทรงแบบที่ช่างทำผมทำให้
และมีข้อระวังสำหรับคนที่รับปริญญาช่วงหน้าฝน ช่วงนี้อากาศชื้นมากค่ะ ถ้าใครทำผมลอนๆ ต้องระวังว่าผมจะคลายตัวออกง่ายนะคะ อ่านรายละเอียดการเตรียมตัวเรื่องทรงผมได้ที่นี่ค่ะ ………..
ที่นี้ เริ่มการวิเคราะห์ใบหน้ากันก่อน
Step 01: Foundation การลงรองพื้น
ขั้นตอนแรกของการแต่งหน้ารับปริญญา ที่ต้องคำนึงถึงคือการลงรองพื้นให้เนียนเรียบกริ๊บ
ในการแต่งหน้าสำหรับถ่ายรูปรับปริญญานี้ จะเน้นขั้นตอนแรลงรองพื้นมากหน่อย เพราะว่า การแต่งหน้ารับปริญญาจะไม่มี Point Makeup ค่ะ จะเน้นดูดี แบบองค์รวม ซึ่งจะต้องดูดีไปซะทุกส่วนค่ะ
ซึ่งเราจะเน้น การรองพื้นให้เรียบเนียนและควรใช้รองพื้นแบบน้ำหรือครีม เพื่อคงคงทนตลอดทั้งวันค่ะ
ควรหลีกเลี่ยงการใช้รองพื้นแบบแป้งผสมรองพื้นนะคะ เพราะว่าติดไม่ทนและโดนเหงื่อแล้วอาจจะเป็นคราบได้ค่ะ
Items ที่ใช้ Smashbox // Photo Finish Color Correcting Foundation Primer #BALANCE
Kiss // Mat Chiffon Uv Whitening Base #01
KATE // Liquid Foundation # OC-B
01-1 หลังจากทาครีมกันแดดแล้ว ใช้ Smashbox Photo Finish ทาให้ทั่วหน้า
ปุ้ยใช้ สีม่วง ช่วยให้หน้าสว่างใสขึ้นนิดหน่อยค่ะ เบสตัวนี้จะช่วยให้ผิวเราเรียบเนียนและดูละเอียดขึ้นค่ะ
และอีกคุณสมบัติหนึ่งข้อ คือ กันรอพื้นลอยออกจากผิว และเป็นคราบค่ะ
และรุ่น Color Correcting เนื้อจะบางและร่วนกว่า รุ่นสีใสๆ ธรรมดานะคะ (ชอบมาก)
ข้อควรระวังต้องใช้แต่น้อยนิดเท่านั้น ถ้าลงเยอะไป จะเป็นคราบค่ะ (เทคนิคนี้ น้องณิชบอกมาค่ะ)
How to: ลงให้บางเบา คือ ค่อยๆ กดออกมาทีละนิด ลงทีละส่วนๆ ไปค่ะ พอให้เกลี่ยทั่วใบหน้าก็พอค่ะ
อย่ากดมาทีเดียวแล้วแต้ม 5 จุด เพราะมันอาจจะเยอะเกินไปแล้วเอาออกไม่ได้
เพราะสุดท้ายเสียดายต้องปาดให้ทั่วหน้า จะกลายเป็นเยอะไป หน้าเป็นคราบนะคะ
Trick: เบสสีๆ สีเขียวสำหรับอำพรางรอยแดง ส่วนสีชมพูหรือแซลมอล ช่วยอำพรางรอยคล้ำรอยดำ ค่าาา
01-2 สำหรับคนที่หน้ามัน
ลงต่อด้วย KissBase ช่วยเรื่องควบคุมความมัน
แต่เบสตัวนี้อย่าลงเยอะอีกเช่นกัน เพราะว่า จะทำให้หน้าดูหนา แล้วก็มีโอกาสเป็นคราบได้ง่าย
ให้ลงบางๆ เฉพาะส่วนบริเวณผิวหน้าที่มันค่ะ
หลังจากลงแล้ว รอซักพักให้เบสซึมเข้าในสู่ผิว แล้วใช้พัฟฟองน้ำกดๆ ย้ำๆ ลงไปให้เบสติดเข้าไปในผิวค่ะ
01-3 ต่อด้วยการลงรองพื้น
วันนี้ปุ้ยเลือกใช้ KATE Liquid Foundation สีอ่อนสุด กดรองพื้นลงที่หลังมือก่อน
แล้วค่อยๆ แต้มลงที่ผิวหน้าทีละนิดค่ะ
ขอบอกว่า รองพื้นนี้ใช้น้อยมากนะคะ ค่อยๆ ลงทีละนิด ไม่อย่างนั้น หน้าจะดูหนามากค่ะ
รองพื้นของ Kate รุ่นนี้ เนียนและค่อนข้างหนา แต่ว่า พอลงไปที่หน้าแล้วจะมีธรรมชาติเหมือนไม่ได้ลงอะค่ะ
(คุณสมบัติ ค่อนข้างเหมือน Lunasol เลยค่ะ แต่ดูหนากว่า)
How to: ใช้นิ้วแต้มรองพื้นแล้วแตะๆ ที่บริเวณผิวที่กว้างๆ ก่อน
เช่น หน้าแก้ม ทั้งสองข้าง หน้าผาก และคาง (แต้มทีละจุดนะคะ )
พอแต้มลงที่จุดนึง แล้วก็ให้นิ้ว กดย้ำๆ ให้เนื้อรองพื้นกระจายออกเป็นบริเวณกว้างขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ
โดยเว้นบริเวณกรอบหน้าไว้ซัก 2-3 ชม. ค่ะ
ทำแบบนี้ไปจนครบ จุดที่บอกไว้
แล้วใช้พัฟฟองน้ำมากดๆ ย้ำๆ ลงไปให้ทั่วไปหน้า กดๆ ย้ำๆ ไปเรื่อยๆ จนกว่า จะเนียน (ย้ำๆๆๆๆๆ ลงไป)
วิธีกดย้ำแบบนี้ ช่วยให้รองพื้นติดหน้ามากขึ้น ไม่ลอยออกมาเป็นคราบ
และทำให้รองพื้นเนียนค่ะ (เทคนิคนี้ น้องก้อย แชร์ให้ฟังค่ะ)
Trick: - เลือกฟองน้ำที่เนื้อแน่นๆ นุ่มๆ นิดนึงนะคะ จะช่วยให้เนียนขึ้นจริง
- สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องผิวไม่เรียบ หรือมีรอยคล้ำ รอยสิว รอยแผลเป็น บลาๆๆๆ
ให้ลงรองพื้นซ้ำในจุดที่มีปัญหา แล้วก็ใช้พัฟกดๆ แล้วลงซ้ำ แล้วกด จนกว่าจะไม่เห็นรอยค่ะ
หรือถ้าอาการหนักมาก อาจจะต้องเปลี่ยนไปใช้รองพื้นเนื้อครีมหรือรองพื้น Stick ที่มีความเข็มข้นกว่าค่ะ
ดูในรูปนะคะ –ซ้ายมือ กดรองพื้นกระจายจากจุดหน้าแก้มเป็นวงใหญ่ขึ้นๆ
–รูปกลาง กดกระจายให้เป็นวงกว้างออกไปอีก จากจุดเดียว ปุ้ยกระจายได้ทั้งซีกหน้าเลยนะคะ และ
–รูปด้านขวา ใช้องน้ำกดย้ำๆ ลงไปค่ะ เนียนขึ้นเห็นๆ
Step 02: Concealor Hilight and Shading การลงคอนซีลเลอร์ ไฮไลท์ และเฉดดิ้ง
หลังจากที่ลงรองพื้นเสร็จแล้วหน้าเราจะขาวเหมือนกระดาษเลยทีเดียว
ขั้นตอนต่อมาคือการเพิ่มมิติให้ใบหน้า รวมทั้งการแก้ไขโครงสร้างและปรับรูปหน้าค่ะ โดยการใช้ Item ที่เป็นเนื้อครีม
ในขั้นตอนนี้จะแก้ไขปัญหาพื้นฐานของโครงหน้าในเบื้องต้นทั้งหมดให้ได้ก่อนค่ะ
ซึ่งปัญหาพื้นฐาน ก็ได้แก่ รอยคล้ำใต้ตา ริ้วรอย ความสูงต่ำ กว้างยางของโครงหน้าที่ไม่สมดุล เป็นต้น
(แล้วหัวข้อถัดไปจะเพิ่มเติมมิติให้ดูเป็นมืออาชีพ ในการปรับโครงหน้าแบบการใช้ไฮไลท์และเฉดดิ้งแบบฝุ่นนะคะ)
Item ที่ใช้ RMK // Super Basic Concealer #01
ZA // Shimmer Glimmer
Revlon // ColorStay Makeup with FoftFlex Combination/Oily Skin #Mocha
02-1 การลงคอนซีลเลอร์ เพื่อปกปิดรอยคล้ำใต้ตา
เช่นเคย ปุ้ยใช้ RMK คอนซีลเลอร์ในดวงใจ ปกปิด เรียบเนียน ไม่เป็นคราบ เกลี่ยง่าย ที่สุดแล้ว
อย่างที่เคยบอก เนื้อครีมของ RMK ค่อนข้างเข็มข้นมากและถ้าเจออากาศเย็นๆ ก็จะแห้งมากค่ะ
How to: ก็ดัดแปลงนิดหน่อยผสมกับอายครีม เบสเมกอัพ หรือทินส์มอยเจอร์ไรซ์เซอร์ค่ะ
ปุ้ยใช้ผสมกับ ZA Shimmer Glimmer สีไม่เปลี่ยนแถมยังเพิ่มประกายวิ้งๆ ช่วยอำพรางริ้วรอยใต้ตาได้ดีนักเชียว
ใช้ ZA ปริมาณนิดเดียว แล้วใช้นิ้วแตะวนๆ RMK มาผสม ดังที่แสดงในรูปค่ะ
แล้วนำไปแตะบริเวณใต้ตา ค่อยๆ แตะๆ ให้กระจายออกไป (วิธีเดียวกับรองพื้น)
แล้วใช้นิ้วอีกนิ้วที่ไม่ติดเนื้อครีม กดย้ำๆ จากรอยขอบเข้าไปด้านในค่ะ
รอซักพักให้เนื้อครีมแห้งหน่อย แล้วกดย้ำๆ ลงไปให้เนียนขึ้นค่ะ
Trick: - สำหรับคนที่ใต้ตาคล้ำมาก ให้ใช้คอนซีลเลอร์สีแซลมอลลงไปก่อน แล้วตามด้วย สีที่พอดีกับสีผิวค่ะ
02-2 การลงไฮไลท์
เพื่อแก้ไขรูปหน้า ลดเงาที่ตกกระทบบนใบหน้าและอำพรางริ้วรอย
ใช้ Item คู่เดิม แต่ทีนี้ ให้ใช้ ZA มาขึ้นอีกนิดและ RMK น้อยลงอีกหน่อย
เพราะบริเวณที่ไฮไลท์ ไม่จำเป็นต้องปกปิดมากค่ะ
How to: บริเวณที่ลง ได้แก่ กลางหน้าผาก สันจมูก ร่องแก้ม คาง และมุมปาก (ดูในรูปค่ะ)
แล้วค่อยๆ กดให้เนื้อครีมคอนซีลเลอร์กลืนเข้าไปกับผิวหน้า (กดเบาๆ และไม่ควรใช้นิ้วปาด จะทำให้เป็นคราบค่ะ)
จากนั้นรอเนื้อคอนซีลเลอร์แห้งแล้ว ใช้พัฟกดย้ำๆ เทคนิคเดิมค่ะ
อ้อ ในขั้นตอนนี้ ใครมี Nars The Multiple สี Copacabana ควักออกมาเลยค่ะ
ทาทับบางๆ ทีบริเวณ หน้าผาก สันจมูกและคาง แล้วใช้พัฟฟองน้ำกดทับๆ ให้กลืนเข้าสู่ผิว
เริ่ดมากขอบอก จมูกจะโด่งขึ้นมาเป็นสัน อย่างกะไปหาคุณหมอศัลย์มาเลยทีเดียว
(ปุ้ยลืมหยิบมาเสียดายมากๆ)
Trick: - การลงไฮไลท์ในขั้นตอนนี้ จะเป็นการแก้ไขรูปหน้านะคะ
บริเวณที่ลง จะทำให้บริเวณนั้นดูยกสูงขึ้น เช่น ร่องแก้ม ที่ดูลึกและมีริ้วรอย ก็อำพรางให้สูงขึ้น
มุมปากที่ตก ก็ยกให้สูงขึ้น จมูกที่แบน ก็ยกให้สูงขึ้น
ก็ให้สังเกตดูว่า ในใบหน้าของเรา มีต้องไหนที่ต้องยกให้สูงขึ้น ก็ลงไฮไลท์ไปบริเวณนั้นค่ะ
และการลดเงาตกกระทบ วิธีสังเกตง่ายๆ ลองส่องกระจก
แล้วเห็นเงาตกลงตรงไหน ตรงนั้นแหละ ให้ใส่ไฮไลท์ลงไปค่ะ
- สำหรับคนที่มีร่องแก้มที่ลึกจนเป็นริ้วรอยเป็นเส้นๆ ทำนองว่า ทาแป้งรองพื้นแล้วเวลายิ้ม แป้งแตกเป็นเส้นๆ
ปุ้ยแนะนำว่า อย่าไปลงรองพื้น คอนซีลเลอร์หรือแป้งให้หนาตรงนั้นอะค่ะ
แบบว่ายิ่งหนา ยิ่งแตกเห็นชัดขึ้น
ให้ลงบางที่สุดเท่าที่ทำได้ แล้วใช้วิธีไฮไลท์ด้วนไฮไลท์แบบฝุ่นจะดีกว่าค่ะ
02-3 การเฉดดิ้ง
เพื่อแก้ไขรูปหน้า และลดส่วนเกินบนใบหน้า
ใช้ Item อะไรก็ได้ ในขั้นตอนนี้ขอเป็นเนื้อครีมที่สีค่อนข้างเข็มกว่าผิวจริงของเราซัก 2-3 Step ค่ะ
ปุ้ยเลือกใช้ Revlon เบอร์เข้มสุดค่ะ
เฉดดิ้งในขั้นตอนนี้จะเน้นการแก้ไขรูปหน้าขั้นพื้นฐาน (ซึ่งเราจะไปเก็บรายละเอียดอีมีในการลงเฉดดิ้งแบบฝุ่นค่ะ)
How to: วิธีการเหมือนการลงรองพื้น แต่ว่าเฉดดิ้ง จะลงช่วงกรอบหน้าที่เราเว้นรองพื้นเอาไว้
แล้วใช้พัฟกดๆ ให้กลืนเข้ามากับรองพื้นสีปกติที่ลงไว้ด้วยค่ะ (อย่าปาดนะคะ ใช้วิธีกดๆ มันก็กลืนได้ค่ะ)
จะเห็นว่า สีของเฉดดิ้งค่อนข้างเข้ม ไม่ต้องกลัวนะคะ เพราะว่าเดี๋ยวลงแป้งฝุ่นทับ
มันจะดูอ่อนลงไปแทบจะไม่เห็นเลย
Trick: - พื้นที่ในการลง ขึ้นอยู่กับโครงหน้าด้วยนะคะ โดยเทคนิค คือ ตรงข้ามกับไฮไลท์
การลงเฉดดิ้ง ตรงไหนที่เราอยากให้มันลดพื้นที่หรือดูต่ำลง ก็ลงบริเวณนั้นไปค่ะ
อย่างของปุ้ย ใบหน้าด้านข้างมีบริเวณกว้างเกินไป และโหนกแก้มเริ่มสูงแล้ว
ก็จะลงบริเวณที่เห็นในภาพค่ะ และลงตรงข้างๆ สันจมูกทั้งสองข้าง ทำให้จมูกดูสูงโด่งขึ้นค่ะ
ส่วนใครที่ มีหน้าผากกว้าง ให้ลงบริเวณไรผมด้านบนด้วยค่ะ
หรือหน้าผากผายออกให้ลงตรงปีกหน้าผากด้วยค่ะ บริเวณเหนือขมับนะ
ใครที่มีกรามใหญ่ ก็ลงบริเวณกรามไปด้วยค่ะ
Step 03 Loose Powder แป้งฝุ่น
เพื่อดูดซับความมันของเนื้อครีมที่ลงไปทั้งหมด ไม่ใช่การลงให้หน้าเนียนนะคะ
เพราะฉะนั้นเราจะแป้งฝุ่นให้น้อยที่สุดเท่าที่ทำได้ เพื่อไม่ให้สีรองพื้นกับไฮไลท์และเฉดดิ้งของเราถูกกลืนไปกับสีแป้ง
Items ที่ใช้ La Mer // The Powder #Translucent
MAYBELLINE // Mineral Power Natural Perfecting Powder Foundation #Original Rose
03-1 การลงแป้งฝุ่น
ขั้นตอนนี้เพื่อเซ็ทรองพื้นกับคอนซีลเลอร์ที่ลงไว้ให้เรียบและอยู่ทนค่ะ
โดยปริมาณที่ลงแป้ง อย่าให้มากไป จะทำให้หน้าดูหนา และเป็นคราบได้ค่ะ
ปุ้ยเลือกใช้ แป้งฝุ่นเทพของลาแมร์ (La Mer The Powder) เนื้อละเอียดมาก เนียนเรียบ ไม่เป็นคราบ
ราคาแพงกว่าแป้งฝุ่นยี่ห้ออื่น แต่ว่าคุณภาพดีกว่ามากนะคะ แถมใช้ได้นานมากๆ คุ้มกับการลงทุนค่อ ขอบอก
(อ๊ะๆ แต่ก่อนตัดสินใจไม่ซื้อใช้ ให้ทดลองก่อนว่า แพ้รึป่าวนะคะ
เห็นของดีๆ แบบนี้ มีคนแพ้หน้าสิวเห่อเยอะแยะ มาแล้วนาา)
ปุ้ยใช้ สี Translucent แบบโปร่งใส ไม่ทำให้สีรองพื้นเปลี่ยนค่ะ
How to: กะเทาะแป้งออกมาในปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น ใช้พัฟกดแป้งให้ทั่วๆ ใบหน้า
Trick: - ปริมาณที่พอเหมาะ ที่ว่า รู้ได้อย่างไร
ใช้พัฟแตะแป้งลงที่หน้าทีละน้อยๆ แล้วใช้หลังมือแตะผิวหน้าทดสอบดูว่า หน้ายังเหนอะๆ อยู่รึป่าว
ถ้ายังเหนอะ ก็ลงเพิ่มอีกนิด แล้วทดสอบอีก ทำอย่างนี้จนกว่า จะรู้สึกว่าหน้าไม่เหนอะแล้ว ค่ะ
- จริงๆ แล้ว ไม่จำเป็นต้องเป็นแป้งฝุ่นยี่ห้อแพงๆ หรอกค่ะ
เพราะเราใช้เพื่อจุดประสงค์ให้ดูดซับความมันของเนื้อครีมออกไป
ใช้แป้งเด็กก็ได้นะคะ เนื้อแป้งเบาดี อย่างพวกจอห์นสันเพียว เอสเซนเชี่ยว ก็ได้ค่ะ
03-2 ลงแป้งมิเนอรอล เพิ่มความเนียน
ขั้นตอนนี้ไม่จำเป็น แต่ว่า อยากบอกต่อ
ถ้าอยากให้หน้าเนียนกริบ ลองใช้ Mineral Power ลงทับไปอีกนิดนึง แต่ว่า อย่าลงทั่วทั้งหน้านะคะ
Trick: - เลือกสีที่ตรงกับสีผิวที่สุดค่ะ บริเวณที่ลง คือ ช่วงแก้มด้านล่างลงไปข้างๆ มุมปาก (เพราะเป็นบริเวณที่สีผิวไม่สม่ำเสมอ) และหน้าผากด้านบนติดกับไรผม
ปุ้ยแนะนำว่าอย่าลงช่วงกลางหน้านะคะ อยากให้โชว์รูขุมขนกับความใสของแก้มไว้นิดนึงค่ะ
- ปริมาณที่ใช้ ประมาณเท่าขี้เล็บได้ค่ะ โดยเฉพาะของยี่ห้ออื่นๆ และยี่ห้อที่ผสมกันเอง
ถ้าใช้เยอะมันจะดูหนาเกินไปค่ะ
ของ MAYBELLINE อนุญาตให้ใช้เยอะหน่อยได้ เพราะว่าไม่ค่อยหนาเท่ายี่ห้ออื่นๆ
ปริมาณที่เห็นในรูป ปุ้ยใช้ลงที่บริเวณคอ แล้วที่เหลือติดแปรง เอามาลงที่หน้าค่ะ
- แปรงที่ใช้ ปุ้ยแนะนำว่า ให้ใช้แปรงที่แถมมากับกระปุกแป้งยี่ห้อที่ซื้อมาค่ะ
เพราะเค้าทำการวิจัยมาแล้วว่า แป้งของเค้า ต้องใช้แปรที่มีขนยาวเท่านี้ มีความแข็งเท่านี้ๆ
How to: เคาะแป้งลงบนภาพชนะที่ใช้พัฟ (เห็นเค้าว่า สาวก MMU ต้องมีทุกคน)
ปริมาณน้อยนิด (น้อยจริงๆ ขอย้ำ) แล้วใช้แป้งสำหรับพัฟแป้ง รูปร่างหน้าตาอย่างที่เห็นในภาพ หรือแป้งที่แถมมากับย่อห้อนั้นๆ พัฟแป้ง แล้วมาทาแบบวนๆ ให้ทั่วใบหน้าค่ะ
เสร็จแล้ว เพิ่มระดับความเนียนกิ๊กใช้ได้เลยทีเดียว
Trick: - เมื่อเราลงแป้งเสร็จแล้ว หน้าเราก็จะขาวกลับเป็นกระดาษอีกครั้งนึง
แต่อย่าเพิ่งตกใจไปค่ะ ว่าสิ่งที่เราทำการแก้ไขโครงสร้างใบหน้าจะหายไป
เดี่ยวรอซักพัก พอแป้งเริ่มผสมกับน้ำมันบนใบหน้า สีก็จะเริ่มออกมาให้เห็นเหมือนเดิมค่ะ
- แต่สำหรับใครที่ขี้เกียจหรือว่าไม่มีเวลา สามารถข้ามขั้นตอนการลงไฮไลท์และเฉดดิ้งแบบเนื้อครีมไปก็ได้
จะใช้เป็นแบบฝุ่นหมดเลยก็ได้ค่ะ
แต่ว่า ขอให้เพิ่มการลงรองพื้นให้ทั่วหน้า จนถึงไรผม
เพื่อให้ไฮไลท์และเฉดดิ้งแบบฝุ่นที่เราลงสามารถเกาะติดผิวหน้าได้ดีขึ้นค่ะ
Step 04 Hilight and Shading Powder Items คัดโครงหน้าด้วยการลงไฮไลท์และเฉดดิ้งแบบฝุ่น
ขั้นตอนต่อมาคือการเพิ่มมิติให้ใบหน้า และคัดโครงหน้าแบบมืออาชีพ
บางคนอาคิดว่า ขั้นตอนนี้ดูซ้ำซ้อนกับขั้นตอนการลงไฮไลท์และเฉดดิ้งแบบเนื้อครีม
แต่จริงๆ แล้วการเพิ่มมิติให้ใบหน้า และคัดโครงหน้าในขั้นตอนนี้ เป็นการลงรายละเอียดมากขึ้น
เพิ่มเติมจากการแก้ไขขั้นพื้นฐาน
ซึ่งในขั้นนี้เรียกว่าได้ว่าเป็นการเพิ่มมิติให้หน้าดูบาลานซ์และมีเสน่ห์ ดึงดูดสายตาของผู้ชมมากขึ้น
Items ที่ใช้ ได้แก่ NARS // Blush #Nico, #Sertao, #Deep Throat
NARS // Single Eyeshadow #Edie
04-1 Contour and Shading
ขั้นตอนนี้เราจะคัดโครงหน้าและสร้างกรอบหน้าให้เห็นชัดขึ้นมาค่ะ
เลือกสีแป้งเฉดดิ้งที่เราชอบมาเลยค่ะ วันนี้ปุ้ยจะใช้ NARS สี Sertao เป็นสีน้ำตาลแดงอิฐออกส้มๆ นะคะ
How to Contour: ใช้แปรงที่มีลักษณะแบนๆ หัวคล้ายๆ พัด หน่อยค่ะ
ยิ่งถ้าเป็นขนสัตว์ได้ยิ่งดี จะทำให้สีติดกับผิวได้ดีกว่าค่ะ
บริเวณที่ลง ดูในรูปนะคะ ปุ้ยจะลงจากด้านล่างไปสู่ด้านบนค่ะ
แตะฝุ่นเฉดดิ้งออกมานิดนึง
บริเวณที่ 1 ไล่ใต้ติ่งหู ไปจนถึงคาง
ทิศทางที่ไล่คือ การงัดแปรงจากใต้ขากรรไกร งัดขึ้นไปจนถึงกรอบหน้าแล้วหยุดแปรง แล้วกลับมางัดต่อ
เป็นแบบนี้ค่ะ แนวนอนจาก ติ่งหู –>คาง และแนวตั้งงัดขึ้นจาก ใต้ขากรรไกร –> กรอบหน้า (เข้าใจมั้ยเนี่ย)
ไล่ Contour ไปจนกว่าจะได้ระดับความเข้มที่เราพอใจค่ะ
ถ้ายังไม่แน่ใจ ก็ค่อยกลับมาเพิ่มความเข็มให้อีกรอบก็ได้ ดูให้สีบาลานซ์กันระหว่างบลัชออนด้วยอะค่ะ
บริเวณที่ 2 โหนกแก้ม (Cheek Bone)
ทิศทางที่ไล่คือ จาก กกหูลงมาถึงโหนกแก้ม อย่าให้ต่ำว่าปีกจมูก และอย่าให้เลยกลางตาดำค่ะ
สำหรับคนที่อยากให้แก้มดูตอบๆ (เหมือนพวกนางแบบเดินแค็ทวอล์ค) ก็ใช้วิธีงัดแปรงแบบเดิม
โดยงัดจาก กกหูไล่ใต้โหนกแก้มเรื่อยมาจนถึงตำแหน่งกึ่งกลางตาดำค่ะ
บริเวณที่ 3 ขมับ
บริเวณนี้ง่ายค่ะ แค่แปรงขยี้ๆ ไปมา บริเวณขมับ โดยให้กลืนเข้าสู่ไรผม เป็นใช้ได้
How to Shading: บริเวณที่ลงลงเฉดดิ้ง ก็ใช้หลักการเดียวกับการลงเนื้อครีม
ส่วนไหนที่เราอยากให้ลดพื้นที่ก็ลงบริเวณนั้น ในที่นี้ ปุ้ยใช้การลงเฉดดิ้งเพื่อไล่สีของ Contour ให้กลมกลืนไปด้วย
โดยลงบริเวณกรามทั้งสองข้าง และบริเวณโหนกแก้มที่สูงเกินไปค่ะ
แต่การลงสีของเฉดดิ้งจะอ่อนกว่าการลง Contour นิดหน่อยค่ะ
เพราะว่า การลง Contour เป็นการคัดโครงหน้าให้ชัดเจน ดังนั้นสีจะชัดกว่าค่ะ
และอีกบริเวณนึงที่น่าสนใจคือ ข้างสันจมูกและ ปีกจมูกค่ะ
ในส่วนนี้การลงเฉดดิ้งจะช่วยยกให้สันจมูกสูงขึ้น และให้ปีกจมูกดูแคบลง
แตะแงเฉดดิ้งมานิดหน่อย แตะๆ พักแป้งไว้หลังมือ ให้แป้งไม่เข้มจนเกินไป
บริเวณที่ลงดังรูปเลยค่ะ ไล่แปรงจากหัวคิ้ว ยิงตรงยาวลงมาจกถึงปลายจมูกเลยค่ะ
แล้วใช้แป้งที่เหลือติดแปรงมาปัดปีจมูกต่อ
Trick: - การ Contour คัดโครงหน้าและการลงเฉดดิ้งนี้ ไม่มีรูปแบบตายตัวที่ชัดเจน แล้วแต่เทรนที่แต่ละคนชอบค่ะ
ทำนองว่า ฝรั่งก็ชอบโครงหน้าแบบนึง ญี่ปุ่นแบบนึง เกาหลีแบบนึง เอาเป็นว่า เราทำในแบบที่เราชอบแล้วกันค่ะ
04-2 Hilight
ในขั้นตอนนี้ลงเพื่อเพิ่มเสน่ห์ ดึงดูดให้กับใบหน้า ทีเด็ดของปุ้ยเลย ค่ะ
การลงไฮไลท์จะช่วยให้หน้าเราดูเด็กลง และจะช่วยให้ดูน่าสนใจขึ้นด้วยนะคะ
ปุ้ยเลือกใช้ NARS // Single Eyeshadow #Edieลงไอไลท์ใต้ตา ชอบวิ้งๆ ของสีนี้มาก ดูน่ารักกำลังดี จะออกเงาๆ นิดหน่อยค่ะ บางคนอาจจะไม่ชอบ ยังไงก็ลองเลือก Item ที่ตัวเองชอบมาซักอันนึงนะคะ
ส่วน Blush #Nico ลงบริเวณหน้าผากและสันจมูกค่ะ จริงๆแล้วอันนี้สีสวยมาก แต่ว่าไม่ลงใต้ตาเพราะว่าลักษณะของตัวนี้มีแป้งผสมอยู่เยอะมาก พอลงใต้ตาแล้ว จะทำให้แตกเป็นลายตามร่องผิวอะค่ะ
มาดูกัน
How to: แปรงที่ใช้ลงไฮไลท์ควรเป็นแปรงที่มีขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป เล็กกว่าแปรงปัดแก้มนิดนึงกำลังดีค่ะ
บริเวณที่ลงคือ หน้าผาก ใต้ตา สันจมูกคาง และร่องแก้มค่ะ
ปัดแบบสบายๆ ง่ายๆ ค่ะ
Trick: - แต่อย่าเผลอไปลงทั้งหน้านะคะ ไม่อย่างงั้นหน้าจะดูเงาเกิน เสน่ห์มันจะเยอะไปหน่อยอะค่ะ
04-3 Blush on
การปัดแก้ม ขั้นตอนนี้คิดว่าสาวๆ คงถนัดกันอยู่แล้ว
Trick: - การปัดแก้มสำหรับงานรับปริญญา เน้นให้ดูเรียบร้อยสุภาพ
โดยเลือกใช้โทนสี ชมพูอมส้ม ส้ม หรือน้ำตาลค่ะ เพื่อให้ดูสุภาพที่สุด
- ทิศทางการปัด ปัดเป็นวงรีเฉียงขึ้นไปทางโหนกแก้มค่ะ
- เพิ่มเติมการบาลานซ์สีของใบหน้าโดยการปัดเหนือคิ้วเลยไปถึงเหนือขมับ ดังรูปค่ะ
จะช่วยให้โครงหน้าและสีดูบารานซ์กันมากขึ้น
โอเค จบ ขั้นตอนของพื้นผิวหน้าทั้งหมด
ขอเปรียบเทียบ Snapshot ให้ดูความแต่งต่างกันค่ะ ดูเอาว่าแต่ละขั้นตอนสำคัญและให้ความแตกต่างกันขนาดไหน
ด้านซ้ายมือ เป็นรูปที่ไม่ได้ทำอะไรกับหน้าเลย หน้าเปล่าๆ
รูปกลาง เราเสร็จขั้นตอนการลงรองพื้นและแป้งฝุ่นแล้วค่ะ
รูปขวามือ เสร็จสิ้นการคัดโครงหน้าด้วยการลงไฮไลท์และเฉดดิ้งแบบฝุ่นค่ะ
Step 05 Eyebrow เขียนคิ้วกันเถอะค่ะ
ขั้นตอนของคิ้วไม่เน้นอะไรมาก แค่เขียนคิ้วให้ได้รูปค่ะ
Items ที่ใช้ Fasio // eyebrow mascara waterproof #322 Golden Brown (321 Light Brown)
Kate // Designing Eyebrow N (EX-5)
red earth // ABSOLUTE BROWS Brow Perfecting Kit #BLONDE
Trick: - สีของคิ้วควรใกล้เคียงกับสีผมค่ะ
05-01 Eyebrow Mascara: ใช้ Fasio eyebrow mascara สี Golden Brown
ซึ่งใกล้เคียงกับสีผมของปุ้ย ณ ตอนนี้ (สำหรับใครที่ผมสีเข็ม แนะนำให้ใช้สี Light Brown ค่ะ)
ปัดเพื่อเติมช่องว่างระหว่างขนคิ้วและกลบสีขนที่ดูเข้มทำให้หน้าดูแข็งเกินไป ด้วย
05-02 Eyebrow Powder: ใช้แปรงหัวตัดแตะสีเข้มของ Kate ลงที่แล้ววาดหางคิ้ว
ตั้งแต่รอยหยักของคิ้วลงมา และสะบัดปลายให้เรียวงาม
และสีกลางวาดตัวคิ้ว มาต่อกับสีเข้มที่หางคิ้ว
ส่วนหัวคิ้วปุ้ยใช้ red earth สีอ่อนสุด มันจะออกน้ำตาลทองอ่อนๆ ใช้แปรงหัวใหญ่ขึ้นเติมหัวคิ้วให้เต็ม ค่ะ
ถ้าใครผมสีเข็มให้ใช้สีอ่อนสุดของ Kate ได้เลย พอดีๆ
Trick: - การเขียนคิ้วก็ช่วยปรับโครงหน้าได้ แต่ว่า ยังไงก็เน้นแบบกลางๆ ไว้ค่ะ
พยายามดูพวกนิตยสารที่มีโฆษณาเครื่องสำอางยี่ห้อต่างๆ
คิ้วส่วนใหญ่จะมีมาตรฐานแบบนั้น ดูๆ ไว้เยอะๆ แล้วซึมซับๆ เดี๋ยวจะจำรูปร่างได้และเขียนได้เอง
ถึงตรงนี้แล้ว ปุ้ยรู้สึกเหนื่อยกับการเขียนฮาวทูมากเลยค่ะ คืนนี้จะได้นอนมั้ยคะเนี่ย
ขอบ่นนิดนึง
โอเค เรามาต่อกันที่ดวงตา ค่ะ
ขั้นตอนของดวงตา ไม่ลงรายละเอียดมากแล้วกัน เอาสบายๆ มี Trick ให้อ่านเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ
Step 06 Eye Makeup
การแต่งตาในงานรับปริญญาควรเลือกที่ใช้สีที่สุภาพ เช่น สีชมพู น้ำตาล ทอง
ส่วนสีเข้มๆ เน้นบริเวณหางตาและใกล้ขอบตาค่ะ ช่วยให้ตาดูโตขึ้น
แต่ถ้าอยากมีลูกเล่น ให้ใช้การเพิ่มประกายวิ้งๆ ให้ดวงตาแทนการเล่นสีค่ะ
Items ที่ใช้
Botanics // Stick Concealed
Kate // Glam Trick eyeshadow palette #BR-1
Kate // Dual Carat #BR-1
Make up Store // Microshadow # powdery nut
Felicite MMU // Mineral Eye Color #Champagne
RMK // Shiny Metallic Gold
Majolica Majorca // Neo Automatic Eyeliner #BR622
Majolica Majorca // Mascara Lash Expander Frame Plus
Maquillage // Eyelash Curler
Make up Store // EYELASH APPLICATOR
Mei Linda // Fashion Lashes #BK-311
06-1 Eye Base: ใช้ของอะไรก็ได้ ลงไว้เพื่อให้อายชาโดวติดดีขึ้นค่ะ สีชัดขึ้น
และสำหรับคนที่ตาคล้ำมากๆ ช่วยอำพรางให้ดูคล้ำน้อยลงได้ค่ะ
จะใช้เป็นคอนซีลเลอร์เนื้อเบาๆ ก็ได้ นะคะ (ปุ้ยใช้ Botanics Stick Concealed)
ทาให้ทั่วๆ เปลือกตาเลยค่ะ
06-2 Eye Hilight: ลงให้ทั่วเปลือกตาบนและล่าง และเลยมาถึงโหนกคิ้วด้วยค่ะ
เพื่อเป็นเบสและไฮไลท์ให้ดวงตา ทาเป็นพื้นไว้ค่ะ
06-3 Champagne: เลือกสีกลางมา 1 สี
(ปุ้ยใช้สี ChampagneMMU ของเพื่อนฝ้าย เป็นเคล็ดนิดหน่อย
การรับปริญญาเหมือนกันฉลองความสำเร็จของเรา ชนแชมเปญกันหน่อยค่ะ)
ทาสีกลางไล่ตั้งแต่ขอบตามาจนถึง 70%ของเปลือกตา หรือเลยรอยพับตามานิดนึงค่ะ
06-4 Eye Boundary: สร้างกรอบตาให้ดูโตขึ้น
โดยใช้แปรงหัวตัด แบบนุ่มๆ แตะสีเข้มหน่อย
(ปุ้ยใช้สีเข้มจาก Dual Carat #BR-1 ชอบเบอร์นี้มาก ใช้มา 3 ตลับแล้ว
หาซื้อไม่ได้แล้ว ใครรู้ว่าซื้อทีไหนบอกด้วยค่ะ แอบนอกเรื่อง 555)
ลากจากหางตาด้านล่างเข้ามาจนถึงกึ่งกลางตาดำค่ะ
และด้านบนก็เช่นกันค่ะ ลากจากหางตามาจนถึงกึ่งกลางตาดำด้วย
วิธีนี้เป็นการสร้างกรอบตาใหม่ให้เรา จะเห็นว่าตาเริ่มดูโตขึ้น
อยากดูโตแค่ไหน ก็ลากเส้นให้ยาวไปเท่านั้นอะค่ะ แต่อย่างไรก็อย่ายาวเกินหางคิ้วนะคะ
06-5 Shadow my eye: ใช้แปรงหัวฟุ้งๆ แตะสีเข้มสีเดิม มาคัดเป้าตาค่ะ
โดยเริ่มจากหางตาขึ้นไปเป็นแนวหลังเต่า (คือโค้งเหมือนกระดองเต่า อะค่ะ)
โดยสโตกแปรงไปมาซ้ายขวา ทีละนิดๆ จากหางตาไปยังหัวตา
ถ้าใครยังไม่เซียน สีอาจจะไม่กลืน เห็นรอยต่อชัดเจน ให้ให้นิ้วของเราเนี่ยแหละค่ะ
เช็ดๆ สีบริเวณขอบๆ ออก สีจะกลืนกันไปเอง (ลองดูค่ะ)
06-6 Light up my eye: ทีนี้ใช้สีอ่อนๆ อีกครั้ง มาไฮไลท์ตรงกลางตา ทำให้ตาดูบริ๊งขึ้น
เวลากระพริบตา จะเห็นว่าตาบริ๊งขึ้นอะค่ะ (ปุ้ยเลือกใช้ MUS สี powdery nut)
06-7 Deeping line: เลือกสีดำหรือสีเข็มมากๆ มาลากเส้นให้ขอบตา
ทำให้ตาดูมีมิติขึ้นและดูคมขึ้นด้วยค่ะ (ปุ้ยใช้สีเทาเข้มจากพาเล็ตของ Kate)
ใช้แปรงหัวตัดเหมือนเดิม แปรงหัวตัดจะช่วยให้ลาดเส้นได้แม่นยำและคมค่ะ
06-8 Glitter my eye: เพิ่มลูกเล่นให้ดูสดใส ด้วยการลงกลิตเตอร์ นิดหน่อยค่ะ
จะทำให้ดวงตาดูมีเสน่ห์ขึ้น และไม่เรียบจนเกินไป ให้ดูสดใสเหมาะกับวัยรุ่น
(ปุ้ยใช้ RMK รุ่นวิ้งๆๆๆๆๆๆ สีทองค่ะ)
โดยทางบริเวณหัวตาทั้งด้านบนละล่าง
ถ้าใครอยากวิ้งมาก็ทาเลยมาที่กลางตาด้านบน จากขอบตาจนถึงรอยพับตา
และด้านล่าง ทางได้แนวยางจนถึงกลางตาดำเลยค่ะ
แต่หากมหาวิทยาลัยไหน ห้ามก็อย่าทำนะคะ ;P เปลี่ยนไปใช้อายขาโดวสีขาวหรือสีมุขๆ แทนค่ะ
06-9 Golden Brown Liner: ปุ้ยใช้สีน้ำตา เพราะว่า สีผมสีอ่อนนะคะ จะได้กลมกลืนกับหน้าและไม่ดูโดดจนเกินไป
แต่หาใครผมสีเข็มจะใช้สีดำก็ได้ค่ะ
(ปุ้ยใช้ Majolica แบบพู่กัน ง่ายเขียนลื่น)
สำหรับการเขียนไลน์เนอร์ให้ง่าย คือ ลากหางก่อน โดยจรดปลายพู่กันที่หางตา แล้วลากหางต่อยาวออกไป
โดยองศาเดียวกับหางตาล่างอะค่ะ เหมือนลากเส้นต่อออกไปจาหางตาล่าง
ความยาวประมาณ 0.5-1 ซม ดูกำลังดีไม่มากไป
จากนั้นค่อยลากเติมไลน์เนอร์ให้เต็มจากหัวตาไปยังหางตาค่ะ
ส่วนด้านล่าง ให้ลากด้านในตรงเอ็นตา ช่วงหัวตาถึงกลางตาดำและค่อยมาหาเอาตรงหางตา
จะช่วยให้ตาดูโตขึ้น แต่ยังรักษาความสุภาพได้อยู่ค่ะ
06-10 Eyelash: ขั้นตอนนี้ดัดขนตาปัดมาสคาร่า ตามอัธยาศัย กันไปก่อน
ไม่ต้องเน้นให้งอนยาวมาก แค่ของให้ดัด ให้ปัดเป็นใช้ได้ค่ะ เพราะเดี๋ยวจะติดขนตาปลอมกันนะคะ
แต่อย่าลักไก่ ไม่ดัดไม่ปัดนะคะ เดี๋ยวมันจะเห็นจนตาสองขั้น น่าอับอายมากค่ะ
อ้อ ขอรีวิวที่ดัดขนตา ของ Maquillage เทพมากค่ะ ตั้งแต่เคยใช้ที่ดัดขนตามาหลายสิบอัน
อันนี้เวิร์คสุด ดัดขนตาน้อยๆ ของปุ้ยให้เด้งได้ดังใจจริงๆ ปลื้มมากก จบค่ะ
06-11 Artificial Eyelash การติดขนตาปลอม
เป็นสิ่งสำคัญยิ่งค่ะ เพราะว่า ถ้าไม่ติด เราจะไม่เห็นขนตาของเราในรูปถ่ายเลย
ควรอย่างยิ่งๆ
การเลือกจนตาปลอม ควรเลือกแบบที่ใกล้เคียวธรรมชาติที่สุด และให้ยาวกว่าขนตาจริงของเราซัก 1.5 เท่าค่ะ
อย่าเลือกแบบที่แฟนซีมากไปนัก การแต่งหน้ารับปริญญาต้องท่องไว้ตลอดว่า สุภาพๆๆๆ
ในการทำฮาวทูครั้งนี้ปุ้ยเลือก Mei Linda // Fashion Lashes #BK-311
ซึ่งดูธรรมชาติมาก ติดออกมาแล้วแทบไม่เห็น (คราวหน้าจะมาขอนรีวิว ขนตาปลอม เป็นการไถ่โทษ นะคะ)
ไม่นานมานี้ปุ้ยเพิ่งค้นพบ อุปกรณ์ที่ช่วยให้เราติดขนตาเองได้ดีและ เร็วขึ้นค่ะ
มันก็คือ EYELASH APPLICATOR ของ Make up Store นั่นเอง
Step 07: Lipstick การทาลิปสติก
สำหรับงานรับปริญญา ควรใช้ลิปสติกโทนสีสุภาพ อย่าง สีชมพูอ่อนๆ ชมพูอมส้ม หรือสีส้มออกนู๊ดๆ ก็ได้
แล้วตามด้วยกลอสเพื่อให้ปากดูสวยน่ารัก สุภาพแต่สมวัยค่ะ แค่นี้เองค่ะ
(ปุ้ยใช้ SUQQU Creamy Lip Stick เบอร์ 20 ค่ะ)
Trick: - การทาลิปสิกให้อยู่ทนนาน
ถ้าต้องการให้ติดทนนาน ใช้สินสอเขียนขอบปากเขียนทับไปทั้งปากเลย แล้วค่อยตามด้วยลิปสีค่ะ
จากนั้นให้ทิชชู่เม้มปาก แล้วใช้พัฟแตะแป้งฝุ่นตบๆ ไปเล็กน้อย แล้วทาลิปสีๆ อีกรอบ
จากนั้นจบท้ายด้วยกลอสค่ะ ก็สามารถยิ้มสวยๆ ตลอดงาน เช้ายันเย็นแล้วค่าาา
ขั้นตอนสุดท้าย
Step 08:Finishing เก็บรายละเอียดตบท้ายการแต่งหน้า
เนื่องจากเราแต่งหน้าประมาณ 2 ชม. น้ำมันบนใบหน้าก็เริ่มออกมา
ขั้นตอนนี้เราจะเก็บรายละเอียดกันค่ะ
Items ที่ใช้ La Mer // The Powder #Translucent
Coastal Scents // Contour & Blush Palette
08-1 ซับความมันบนใบหน้า
ถ้าใครหน้ามันมาก ก็ใช้กระดาษซับมันก่อน แล้วตามด้วยพัฟที่ตบแป้งออกจนเหลือแป้งในพัฟน้อยที่สุด
เอากดๆ ทั่วใบหน้าเพื่อซับความมันออกค่ะ
08-2 Finishing Hilight ใช้สีครีมของ Contour & Blush Palette ปัดทับบริเวณไฮไลท์เพื่อให้ลดความเงาของไฮไลท์ที่ลงไว้ แต่ถ้าใครของเงาๆ วิ้งๆ ก็ไม่ต้องทำขั้นตอนนี้ก็ได้ค่ะ
08-2 Finishing Blend Color การทำให้สีกลมกลืนทั่วใบหน้า โดยผสมสีชมพูอ่อนกับสีเปลือกไข่ ของ Contour & Blush Palette แล้วมาเบลนด์บริเวณข้างๆ แก้ม ตรงรอยต่อกระหว่างบลัชออนกับเฉดดิ้งค่ะ
ทำให้รอยต่อดูกลมกลืนขึ้น
ถ้าใครไม่มีพาเล็ตนี้ ก็ใช้แป้งอัดแข็งที่มีสีเดียวกับผิวเราแทนก็ได้ค่ะ
08-3 ถ้าหากสีของContourและ Shading ยังอ่อนเกินไป ก็ให้เพิ่มลงในขั้นตอนนี้ค่ะ
และก็เสร็จสิ้นการแต่งหน้ารับปริญญาค่ะ
จบท้ายด้วยการเปรียบเทียบ Snapshot ระหว่างขั้นตอน มาดูถึงความเปลี่ยนแปลงกันค่ะ
รูปแรกสุด หน้าเปล่าๆ ไม่ได้ทำอะไร
รูปที่2 เสร็จสิ้นการลงรองพื้นและไฮไลท์เฉดดิ้งแล้วค่ะ
รูปที่ 3 เสร็จสิ้นการแต่งหน้าทั้งหมด (คิ้ว ตา แก้ม และปาก)
รูปสุดท้าย เปลี่ยนชุดและทำผมแล้วค่ะ
สุดท้ายของขอบคุณที่คนทีอ่านจนจบ และให้กังใจเสมอมากค่ะ
ถ้ามีอะไรติชม หรือมีคำแนะนำเพิ่มเติม ยินดีรับฟังค่ะ เต็มที่เลย
และเทคนิคการ Touchup ระหว่างวัน
รบกวนไปตามอ่านได้ที่ http://puyisme.multiply.com/journal/item/42/42 นะคะ
และสุดท้าย ขอบขอบคุณช่างภาพ
น้องณิชและน้องเป๋า ที่มาช่วยถ่ายภาพและให้กำลังใจในการแต่งหน้า และเขียนฮาวทูครั้งนี้ค่ะ
ขออภัยที่ลงให้ช้า รอนานๆ จะได้ตื่นเต้นๆ ไง ^ ^
Commencement Makeup © 2009 PuY is me
Facial Snapshot by >Kapao — kapaos.multiply.com
Props Snapshot by [Nichieme] —nichieme.multiply.com
Model and Makeup Artist: “PuY~ is me” — puyisme.multiply.com
จารอค่าาา
ชอบจังเลยคะ
เดี๋ยวแวะมาอ่านใหม่
ขอบคุณค่ะพี่ดา ถ้ารวมเล่มแล้วปุ้ยจาเอาไปให้นะคะ ^ ^
ทำเป็นเล่มได้เลยนะเนี่ย..
พี่ชอบปุ้ยแต่งหน้านะ ดูธรรมชาติดี
เก่งจังเลยอ่ะ…. ^ ^
แค่แต่งธรรมดาๆยังรู้สึกลำบาก – -!!!
นี่คุณปุ้ยมีฮาวทูให้ดูด้วย ใจดีจัง * *
แต่ถ้าจะแต่งจริงๆคงต้องรบกวนคุณปุ้ยดีกว่า