ผิวสวยๆ ใครๆ ก็อยากได้ (3-Step Skin Care)
ผิวสวยๆ ใครๆ ก็อยากได้
ปุ้ยจะมาแนะนำการดูแลผิวอย่างง่ายๆ สำหรับสาวๆ ได้นำไปใช้กัน พื้นฐานการดูแลผิวประจำวัน.
ซึ่งมีขั้นตอน ง่ายๆ แค่ 3 ขั้นตอน คือ ทำความสะอาดผิว ขจัดเซลล์เสื่อมสภาพและเติมความชุ่มชื่นให้ผิว
โดยทุกขั้นตอนล้วนมีความสำคัญและส่งผลต่อกัน ทำให้ผิวทำงานได้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ
ไม่รู้สาวๆ เคยสังเกตกันมั้ยคะว่า ผลิตภัณฑ์ของทุกๆ ยี่ห้อในตลาดเนี่ย
มักจะมีการออกแบบและผลิตเพื่อการดูแลผิวทั้ง 3 ขั้นตอนนี้ ล้วนแทบทุกยี่ห้อ
แต่เราอาจจะไม่รู้ลึกซึ้งอย่างเข้าใจว่า มันเอาไว้ทำอะไรและส่งผลต่อผิวหน้าเราอย่างไรบ้าง
วันนี้แหละ ปุ้ยจะมาแถลงไขให้ฟังกันมา
เริ่มกันเลย
Step 1 Cleanse: ทำความสะอาดผิว
เพื่อให้สะอาดหมดจดขจัดสิ่งสกปรก ฝุ่นละออง มลพิษและเครื่องสำอาง
สำหรับคนที่ไม่ได้ใช้เครื่องสำอางแบบกันน้ำ
ก็สามารถเลือกสบู่ล้างหน้า (Facial Soap) สูตรอ่อนโยนที่เหมาะกับสภาพผิว ทำความสะอาดผิวได้เลย
รวมถึงการทำความสะอาดผิวหน้าตอนเช้าหลังตื่นนอนด้วยค่ะ
ส่วนสาวๆ ที่ชื่นชอบการแต่งหน้าและใช้เครื่องสำอางแบบกันน้ำที่ล้างออกยากๆ
ปุ้ยมีวิธีล้างหน้าส่วนตัวมาแชร์ให้ฟังค่ะ
1) ทำความสะอาดผิวด้วยโฟมล้างหน้า (Foaming Cleanser)
เพื่อล้างเอาสิ่งสกปรกที่สามารถล้างออกได้ง่ายออกไปก่อน
และเพื่อเป็นการประหยัดผลิตภัณฑ์สำหรับล้างเครื่องสำอางในขั้นตอนต่อไปด้วย
วิธีใช้ บีบโฟมในปริมาณน้อยลงบนมือ ถูให้เกิดฟองแล้วถูให้ทั่วใบหน้าที่เปียกประมาณ 1 นาทีแล้วล้างออก
2) ทำความสะอาดผิวด้วยผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางที่ผสมมีส่วนผสมของน้ำมัน (Cleansing Oil)
เพื่อล้างเครื่องสำอางตกค้างที่ไม่สามารถล้างออกได้ด้วยโฟม โดยเฉพาะพวกเครื่องสำอางสูตรกันน้ำ
วิธีใช้ กด ผลิตภัณฑ์ ใส่มือเล็กน้อยและเกลี่ยให้ทั่วใบหน้าขณะยังแห้ง และนวดเบาๆ
เพื่อทำละลายเครื่องสำอาง จากนั้นใช้น้ำแตะเพื่อให้ Oil แปลงสภาพเป็นน้ำนมเนื้อบางเบา
ที่สามารถล้างทำความสะอาดได้ง่าย จากนั้นเช็ดออกด้วยสำลีแผ่นหนาๆ
3) ทำความสะอาดผิวด้วยผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางบริเวณรอบดวงตา ขนตาและริมฝีปาก
(Makeup Remover For Lids,Lashes & Lips)
เพื่อเช็ดเครื่องสำอางรอบดวงตาที่ติดทนนาน มาสคาร่ากันน้ำ และลิปสติกรุ่นติดทน
วิธีใช้ เขย่าขวด แล้วหยดผลิตภัณฑ์ลงบนสำลีหนาๆ เช็ดบริเวณรอบดวงตาและริมฝีปาก
แล้วค้างไว้สักครู่ จากนั้นจึงค่อยๆ เช็ดออก ทำซ้ำจนกว่าเครื่องสำอางจะหลุดออกไปหมด
แต่ สำหรับใครที่ไม่มีงบประมาณสำหรับ ผลิตภัณฑ์ในขั้นตอนนี้
สามารถทำขั้นตอนที่ 1 และ 2 สลับกันซัก 2-3 รอบ
เพื่อให้แน่ใจว่าผิวถูกทำความสะอาดจนไม่เหลือเครื่องสำอางตกค้าง
แต่ควรเลือก Cleansing Oil ที่อ่อนโยนสำหรับดวงตาด้วยค่ะ
4) ทำความสะอาดผิวด้วยสบู่ล้างหน้าหรือโฟมล้างหน้า
เพื่อทำความสะอาดผิวเป็นขั้นตอนสุดท้าย โดยล้างเอาผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อยู่บนผิวออกไปให้หมด
ขั้น ตอนทำความสะอาดผิวแม้จะดูยุ่งยาก แต่ว่าถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญและหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยนะคะ
เพราะว่าการทำให้ผิวสะอาดแบบหมดจดจะส่งผลต่อการผลัดเซลล์ผิวที่ดี
และช่วยให้การบำรุงผิวนั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการใช้เครื่องสำอางก็ทำให้เกาะผิวได้ติดทนยิ่งขึ้นด้วย
Step 2 Exfoliation: ขจัด เซลล์เสื่อมสภาพ เพื่อเผยผิวใหม่ที่กระจ่างสดใส
โดยการเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติให้สร้างผิวใหม่และผลัดผิวเก่า ได้เร็วขึ้น
ซึ่งแม้กระบวนการผลัดเซลล์ผิวนี้จะเป็นกระบวนการตามธรรมชาติของผิว
แต่ในวัยที่มากขึ้น ผิวจะมีการทำงานในส่วนนี้ช้าลง ซึ่งทำให้ผิวที่ตายแล้วยังเกาะอยู่บนผิวเราเป็นเวลานานเกินไป
ทำให้ผิวเราดูหยาบ เป็นขุย และหมองคล้ำ อีกทั้งยังขวางไม่ให้ครีมบำรุงผิวน้ำซึมเข้าสู่ผิวได้เท่าที่ควรด้วย
ซึ่งเราควรกำจัดพวกผิวที่ตายแล้วนี่ออกไป ด้วยการช่วยกระตุ้นให้เกิดกระบวนการผลัดเซลล์ผิวให้เร็วขึ้นนั่นเอง
และช่วยขจัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพอย่างอ่อนโยน ทำให้ผิวเนียนเรียบ พร้อมที่จะรับการบำรุงในขั้นต่อไป
โทนเนอร์ นั้นส่วนใหญ่มีส่วนผสมของ แอลกอฮอล์ที่ไม่เป็นอันตรายต่อผิวหน้า
แต่จะมีปริมาณที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเภท เราต้องเลือกให้เหมาะสมกับสภาพผิวของเราด้วยนะคะ
ซึ่งสามารถขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญประจำเคาเตอร์ของผลิตภัณฑ์ได้เลย
วิธีใช้ ใช้ก้อนสำลี บริสุทธิ์ชุบผลิตภัณฑ์เช็ดให้ทั่วหน้าอย่างเบามือในทิศทางเดียวกับเส้นขน
เป็นประจำทั้งเช้าและเย็น หลีกเลี่ยงบริเวณรอบดวงตาและริมฝีปาก
อีกประเภทหนึ่งของผลิตภัณฑ์โทนเนอร์ นอกจากจะช่วยผลัดเซลล์ผิวแบบอ่อนโยน
แล้วยังช่วยสมานผิวและบำรุงผิวด้วย ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย
ก็คือ การบรรจุโทนเนอร์ลงในขวดเสปรย์ แล้วใช้วิธีพ่นเข้าที่ผิวหน้าแบบบางๆ
ซึ่งวิธีนี้เหมาะกับผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
หรือถ้ามีก็น้อยมากในปริมาณที่แม้แต่จมูกของเราก็รับรู้ไม่ได้เลย
เมื่อ เราดูแลผิวในขั้นตอนการขจัดเซลล์ เสื่อมสภาพเป็นอย่างต่อเนื่องแล้ว
ผิวของเราก็จะเผยความกระจ่างใสและพร้อมที่จะได้รับการบำรุงในขั้นตอนต่อไป ค่ะ
จริงๆ แล้วเป็นการช่วยขจัดเซลล์ผิวเหมือนกันแต่วิธีสครับนั้นเป็นการทำงานเชิง Physical
ส่วนการใช้โทนเนอร์เป็นการทำงานแบบ Chemical ซึ่งจะช่วยลดการระคายเคืองจากการที่ผิวถูกเสียดสีได้ดี
และช่วยส่งเสริมการ ทำงานของผิวอย่างเป็นระบบอย่างแท้จริง)
Step 3 Moisturize: เติมความชุ่มชื้นให้ผิว
เพื่อให้ผิวได้รับความชุ่มชื่นที่สมดุลกับธรรมชาติผิวให้สมบูรณ์ เป็นพื้นฐานสำหรับผิวสวยดูสุขภาพดี
ซึ่งจำเป็นสำหรับทกุสภาพผิวและทุกคน เนื่องจากผิวของเราย่อมมีการเสื่อมประสิทธิภาพการทำงานไปตามกาลเวลา
หรือบางบริเวณ เช่น บริเวณที่ถูกทำร้ายด้วยแสงแดดบ่อยๆ หรือบริเวณที่การไหลเวียนของเลือดไม่พอเพียง
มอยส์ เจอไรเซอร์ (Moisturizer) นั้นจะช่วยเติมความชุมชื่นที่ขาดหายไปหรือผิวสร้างให้เราไม่ทัน
ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักๆ ของมอยส์เจอไรเซอร์เลย
หลายคนมักสงสัยว่าใช้มอยส์เจอไรเซอร์แล้วไม่เป็นมี อะไรเกิดขึ้นเลย ผิวก็เฉยๆ
นั่นก็เพราะ มอยส์เจอไรเซอร์มีหน้าที่แค่ให้ความชุ่มชื้นเท่านั้น ไม่ได้เพื่อให้ลบเลือนริ้วรอย หรือลดรอยด่างดำ หรือทำให้ผิวขาวขึ้น แต่อย่างใด
แต่หากเราละทิ้งการใช้มอยส์เจอไรเซอร์ ไปแล้ว
ลองสังเกตดูจะเห็นว่าผิวเริ่มแห้งและปราศจากความชุ่มชื่นอย่างเห็นได้ชัดเลย ค่ะ
ซึ่งทำให้ผิวนุ่มนวลและชุ่มชื่นขึ้นเราควรเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะสำหรับสภาพผิวของเรา
และเลือกที่มีประสิทธิภาพในการซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็วและใช้อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ
และ สำหรับในตอนเช้าควรเพิ่มการปกป้อง ผิวจากแสงแดดด้วย
เพราะแสงแดดเป็นศัตรตัวร้ายกาจที่สุดสำหรับผิว
ซึ่งเราควรปกป้องผิวโดยใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับปกป้องผิวจากแสงแดดโดยเฉพาะ ที่มี SPF 15 เป็นต้นไป
เพียง แค่การดูแลผิวเบื้องต้น อย่างต่อเนื่องทุกวันเช้าและเย็นด้วย 3 ขั้นตอนนี้
ก็จะทำให้ผิวของเราฟื้นฟูและค่อยๆ เปลี่ยนเป็นผิวทีี่สุขภาพดีค่ะ
หลัง จากที่ผิวมีสุขภาพที่ดีแล้ว การแก้ปัญหาผิวอย่างอื่นก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น
ไม่ว่าจะเป็น สิว ริ้วรอย จุดด่างดำและสีผิวไม่สม่ำเสมอ สีผิวหมองคล้ำไม่สดใส หรือรูขุมขนกว้าง
เราก็ค่อยๆ แก้ไขปัญหาเฉพาะจุดที่เรากังวลโดยการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมเพื่อแก้ปัญหา นั้นๆ
แต่ถ้าหากสุขภาพผิวของเรายังบกพร่องการแก้ปัญหาอื่นๆ ก็เป็นเรื่องที่แก้ไขไม่รู้จบ
เพราะตราบใดที่พื้นฐานของผิวยังไม่แข็งแรงสมบูรณ์ ระบบทุกอย่างของผิวก็จะปั่นป่วนไปหมดค่ะ
“ผิวสวยสุขภาพดี สามารถสร้างได้ หากเราเอาใจใส่และดูแลมันอย่างถูกวิธี”
ตามมาจาก Youtube ค่ะ
ขอบคุณสำหรับเคล็ดลับนะค่ะ