Makeup Master Class: ว่าด้วยเรื่องของ "รองพื้น" (Makeup Foundation)
PuY ~ is me ♥ Makeup Master Class
ปุ้ยเชื่อว่าสาวๆ ทุกคนรู้จักคำว่ารองพื้น กันดีอยู่แล้วหละ ในหัวข้อนี้ จะพาสาวๆ มารู้จัก รองพื้นให้มากขึ้นโดยเข้าใจถึงคุณสมบัติของรองพื้นในแต่ละประเภท รวมถึงอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง สำหรับการใช้งาน แถมท้ายด้วยการรีวิวรองพื้นที่ปุ้ยใช้อยู่ทั้งหมดด้วย
What?–รองพื้น คือ ไอเท็มเนื้อครีมที่วัตถุประสงค์การใช้งานเพื่อปรับสีผิวให้สม่ำเสมอและเรียบเนียน รวมทั้งสามารถปกปิดอำพรางจุดบกพร่องของผิวได้ในระดับปานกลางถึงมาก ซึ่งคุณสมบัติของรองพื้นนั้นจะแตกต่างกันไปตามแต่ละประเภทและความเข้มข้น โดยสามารถแบ่งเป็น 7 ประเภท ดังนี้
รองพื้นแต่ละประเภทประกอบด้วยลักษณะของส่วนผสมในเนื้อที่แตกต่างกัน เช่น ผสมด้วยน้ำมันทำให้รองพื้นมีความหนาแน่นและเข้มข้นมาก ให้ผลลัพธ์ในการปกปิดผิวที่มาก หรือผสมด้วยน้ำทำให้เนื้อรองพื้นมีความหนาแน่นเบาบางลงทำให้ไม่รู้สึกหนักผิวแต่ก็ยังปกปิดผิวได้ในระดับปานกลาง หรือผสมด้วยอากาศก็จะทำให้เนื้อรองพื้นมีความเบามากทำให้ได้ความปกปิดในระดับเบาเบาดูธรรมชาติมากขึ้น หรือผสมด้วยแป้งเป็นหลักก็จะทำให้เนื้อรองพื้นมีความร่วนทำให้ใช้งานได้ง่ายแต่ความติดทนของเนื้อ
รองพื้นที่ยึดเกาะกับผิวก็จะน้อยลงไปด้วย เป็นต้น
ดังนั้นการเลือกใช้รองพื้นก็ควรเลือกประเภทตามความเข้มข้นให้เหมาะสมกับโอกาสที่จะใช้ นอกจากความแตกต่างในแง่ของความเข้มข้นแล้วนั้น ความแตกต่างของรองพื้นแต่ละประเภทก็คือ ลักษณะเนื้อผิว (Texture) ของรองพื้นเมื่อนำมาทาลงบนผิวแล้ว เช่น ความด้าน ความมันวาว ความเปล่งแสง หรือความฟูนุ่มของพื้นผิว ในลักษณะนี้ให้เลือกตามความชอบของแต่ละคนหรือเลือกตามลุคที่ต้องการ
สิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่ง นั่นก็คือ การเลือกสีของรองพื้นให้ใกล้เคียงกับสีผิว โดยเทคนิคการเลือกสีนั้นให้นำเนื้อรองพื้นในปริมาณที่จะเห็นสีได้ชัด มาป้ายลงที่ผิวหน้าบริเวณขากรรไกร ถ้าเป็นสีที่พอดี ก็จะเห็นว่าสีของผิวก็จะกลืนหายไปกับสีผิวเลย ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วผิวหน้าของเราจะสว่างกว่าผิวกาย ดังนั้นถ้าไม่อยากให้ใบหน้าดูขาวจนเกินไป ก็อาจจะลองเลือกสีรองพื้นที่ใกล้เคียงกับสีผิวบริเวณ
ไหปลาร้า ซึ่งการประยุกต์ใช้สีของรองพื้น สามารถทำให้รองพื้นสีอ่อนลงหรือเข้มขึ้นได้โดยใช้ผงอายชาโดว มาผสมทำให้เกิดเป็นรองพื้นสีใหม่ หรือหากเลือกซื้อรองพื้นสีผิดที่ไม่พอดีกับผิว ก็สามารถประยุกต์ใช้สีอ่อนเป็นไฮท์ไลท์ หรือสีเข้มเป็นเฉดดิ้งได้
Where? ควรใช้ รองพื้นในบริเวณไหนบ้าง
รู้หรือไม่ว่า อันที่จริงแล้วเราไม่จำเป็นต้องทารองพื้นให้ทั่วทั้งหน้า อย่างที่บอกไปแล้วว่ารองพื้นนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อ ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอและปกปิดอำพรางจุดบกพร่องของผิว ดังนั้นเราก็สามารถ
ใช้ในเฉพาะบริเวณที่เราต้องการก็ได้ โดยเฉพาะสำหรับคนที่ไม่ชอบความเนอะหนะของรองพื้นที่มาเคลือบอยู่บนผิวซึ่งอาจจะทารองพื้นแค่บริเวณที่เป็นกระ หรือผิวมีรอยด่าง หรือรอยที่ทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ ส่วนบริเวณอื่นๆ ที่ผิวไม่มีปัญหาก็เว้นเอาไว้ก็ได้ เช่น บริเวณกรอบหน้า คิ้ว เปลือกตา เป็นต้น
หากเรามีรองพื้นหลายสีทั้งเข้มไปหรืออ่อนไป เราก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้ใบหน้าของเราดูมีมิติได้ โดยการใช้รองพื้นที่อ่อนทาเฉพาะบริเวณส่วนกลางของใบหน้า และรองพื้นสีเข้มทาบริเวณรอบกรอบหน้า แล้วเกลี่ยรอยต่อให้สีสม่ำเสมอกัน
When? ควรใช้รองพื้นในขั้นตอนไหน
หลังจากการทาครีมบำรุงและครีมกันแดด และ Makeup Base (ถ้ามี)ซึ่งเราอาจจะใช้รองพื้นมากกว่า 1 รอบ หรือมากกว่า 1 ประเภทก็ได้ แล้วแต่ความต้องการในการปกปิดผิว การเรียงลำดับในการใช้งาน ให้ลองสังเกตจากวิธีการ พื้นที่และเนื้อของผลิตภัณฑ์ ดังนี้
วิธีการ ~~ เลือกใช้ประเภททีี่่ใช้พวกแปรงก่อน แล้วค่อยตามด้วยประเภทที่ใช้นิ้วมือ
พื้นที่ ~~ เลือกทาในบริเวณที่กว้างก่อน แล้วจึงทาเฉพาะจุดค่ะ
เนื้อของผลิตภัณฑ์ ~~ เลือกใช้ประเภทที่เข้มข้นกว่าก่อน แล้วจึงค่อยใช้ประเภทที่เข้มข้นน้อยกว่า หรือเลือกใช้ประเภทที่เป็นเนื้อครีมและน้ำก่อน ที่จะใช้ประเภทที่เป็นมูสและแป้ง
Why? ทำไมต้องใช้รองพื้น
เพื่อให้ได้สภาพผิวที่เรียบเนียนและสีผิวสม่ำเสมอ แต่จำเป็นไหมที่การแต่งหน้าทุกครั้งต้องพึ่งรองพื้น
คำตอบ คือ ไม่จำเป็นเสมอไป ให้เลือกตามความเหมาะสมของโอกาสที่เราแต่งหน้า เช่น หากวันที่เราไม่ได้ต้องการความเพอร์เฟกของผิวมากมายอะไร การใช้เพียงแค่ Makeup Base และแป้งฝุ่น ก็ถือว่าเพียงพอแต่หากเป็นวันที่เราต้องการความเนี๊ยบของผิว ก็เลือกความเข้มข้นและความปกปิดของเนื้อรองพื้นตามโอกาสหรืองานที่เราจะไป
Makeup Foundation Tools and Techniques
อุปกรณ์และเทคนิคสำหรับการใช้รองพื้น
— นิ้วมือ (Fingertip)
อุปกรณ์ที่ทุกคนมีกันทุกคน นอกจากจะประหยัด ใช้ง่าย แล้วก็ยังทรงประสิทธิภาพมากๆ เลยทีเดียว
เพราะว่าสามารถใช้ได้กับรองพื้นทุกประเภทเลย และยังสามารถควบคุมความปกปิดผิวได้ไม่ว่าจะให้ปกปิดมากหรือว่าให้ดูบางเบาก็ทำได้
Application Motion: ใช้ได้ทั้งการกดย้ำ (Dap) สำหรับให้เนื้อรองพื้นมีความหนาและปกปิดได้มาก และการกดลากในแนวเส้นตรง (Linear Motion) เพื่อให้ได้เนื้อรองพื้นที่บางเบาและปกปิดน้อย
— ฟองน้ำ (Sponge)
ฟองน้ำเอาไว้เกลี่ยเนื้อรองพื้นช่วยให้ได้ความสม่ำเสมอ และกดเนื้อรองพื้น ช่วยผลักให้ติดกับผิวหน้ามากขึ้นและดูเรียบเนียน
Selection: เลือกฟองน้ำแบบเนื้อแน่นๆ ที่รองพื้นจะไม่ซึมเข้าสู่เนื้อฟองน้ำ แต่จะช่วยผลักรองพื้นให้เข้าสู่ผิวแทน
Application Motion: ใช้ทาเนื้อรองพื้นลงที่ผิวหน้าโดยการลากในแนวเส้นตรง (Linear Motion) โดยทิศทางการลากให้เป็นทิศทางเดียวกับเส้นขน คือ จากกลางใบหน้าออกสู่ด้านนอก และจากด้านบนลงสู่ด้านล่างและใช้กดย้ำ (Dap) สำหรับช่วยผลักเนื้อให้รองพื้นให้ติดผิวได้ดียิ่งขึ้นและทำให้ได้เนื้อผิวที่เรียบเนียนมากขึ้นด้วย
นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีการใช้แปรงสำหรับทารองพื้นเข้ามาช่วย ซึ่งจะเหมาะสำหรับการที่ต้องการพื้นผิวของรองพื้นในปริมาณที่สม่ำเสมอทั่วทั้งใบหน้า และสำหรับใครที่ต้องการความรวดเร็วในการทารองพื้นค่ะการเลือกใช้เทคนิคของแปรงทารองพื้นนั้น ขึ้นอยู่กับประเภทของเนื้อรองพื้น ความถนัดในการใช้งาน และความต้องการในระดับความปกปิด แปรงที่ปุ้ยแนะนำให้ใช้สำหรับรองพื้นมี 3 ประเภทด้วยกัน ได้แก่
— แปรงขนสังเคราะห์รูปร่างแบน (Synthetic Foundation Brush)
เป็นแปรงสำหรับใช้ทารองพื้นโดยเฉพาะ ซึ่งทำจากขนสังเคราะห์ที่มีความบางและลื่น
Selection: เลือกแปรงที่ขนเส้นเล็กมากๆ และมีการไล่ระดับความยาวของเส้นขนตั้งแต่กึ่งกลางความยาวขนแปรงจากสั้นไปยาวแบบละเอียดๆ เพราะช่วยให้เกลี่ยรองพื้นได้เรียบเนียนได้ดี
Application Motion: ใช้ทาเนื้อรองพื้นลงที่ผิวหน้าโดยการลากในแนวเส้นตรง (Linear Motion) โดยทิศทางการลากให้เป็นทิศทางเดียวกับเส้นขน คือ จากกลางใบหน้าออกสู่ด้านนอก และจากด้านบนลงสู่ด้านล่างและหากต้องการความหนาของรองพื้นในบริเวณใดเป็นพิเศษ ให้ใช้การกดย้ำ (Dap) เนื้อรองพื้นท้บลงไปที่บริเวณนั้น
Coverage: สำหรับใช้ทารองพื้นในลักษณะที่ให้ความปกปิดในระดับสูง
(For) Foundation Type: – Cream -Liquid -Tinted
— แปรงขน 2 ชั้น (Duo-Fiber Foundation Brush / Air Brush)
เป็นแปรงที่มีขนแปรงแบ่งเป็น 2 ชั้น โดย ขนด้านล่างเป็นสีดำ ทำจากขนสัตว์ และขนด้านบนเป็นสีขาวทำจากขนสังเคราะห์
Selection: เลือกแปรงที่ขนแปรงกระจายตัวมีช่องว่างแบบเห็นได้ชัดและมีความสม่ำเสมอ โดยเลือกที่ขนแปรงด้านบนให้มีความนุ่มมากๆ ส่วนขนแปรงด้านล่างมีความแข็งแรงพอที่จะช่วยอุ้มน้ำหนักของขนแปรงด้านบนเวลากดลงที่ผิว
Application Motion: ใช้ทาเนื้อรองพื้นลงที่ผิวหน้าโดยการใช้แปรงแตะรองพื้นให้ปริมาณรองพื้นติดทั่วหน้าตัดของขนแปรงก่อน แล้วจึงนำมาแตะให้กระจายทั่วใบหน้า หลังจากนั้นก็ปัดหมุนเป็นวงกลมเล็กๆ (Circular Motion) ให้ทั่วผิวหน้า ซึ่งทิศทาง คือ ด้านขวาปัดในทิศหมุนตามเข็มนาฬิกา ส่วนด้านซ้ายปัดในทิศทวนเข็มนาฬิกา
Coverage: สำหรับใช้ทารองพื้นในลักษณะที่ให้ความปกปิดในระดับปานกลางและบางเบา
(For) Foundation Type: – Cream -Liquid -Tinted -Powder
— แปรงปัดแป้งขนหน้าตัด (Flat-Top Powder Brush)
เป็นแปรงปัดแป้งที่มีขนด้านบนเป็นหน้าตัด ทำจากขนสัตว์
Selection: เลือกแปรงที่ที่มีขนาดพอดีไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป ขนแปรงเป็นขนสัตว์ที่มีความหยาบพอที่จะเก็บแป้งได้ดี แต่ยังคงมีความนุ่มไว้ในระดับที่ไม่ระคายเคืองผิวหน้า
Application Motion: ใช้ทาเนื้อรองพื้นลงที่ผิวหน้าโดยการใช้แปรงแตะรองพื้นให้ปริมาณรองพื้นติดทั่วหน้าตัดของขนแปรงก่อน แล้วจึงนำมาแตะให้กระจายทั่วใบหน้า หลังจากนั้นก็ปัดหมุนเป็นวงกลมเล็กๆ (Circular Motion) ให้ทั่วผิวหน้า ซึ่งทิศทาง คือ ด้านขวาปัดในทิศหมุนตามเข็มนาฬิกา ส่วนด้านซ้ายปัดในทิศทวนเข็มนาฬิกา สำหรับรองพื้นประเภทแป้งถ้ายิ่งใช้เวลาในการหมุนวนมากๆ ก็จะยิ่งเห็นผลลัพธ์ที่เรียบเนียน
Coverage: สำหรับใช้ทารองพื้นในลักษณะที่ให้ความปกปิดในระดับสูงมาก สูงและปานกลาง
(For) Foundation Type: – Cream -Powder
ขั้นตอนการรองพื้นนี้ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญและต้องใช้เวลา ยิ่งเรามีเวลาให้กับขั้นตอนนี้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งได้ผลลัพธ์ของผิวที่สวย การแต่งผิวให้สวย ถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่ปุ้ยไม่อยากให้สาวๆ ละเลย เพราะถ้าผิวของเราดูสวยแล้ว การแต่งหน้าในขั้นตอนต่อไปก็เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นและจะส่งผลให้เราดูสวยแบบไม่มีที่ติค่ะ
PuY ~ is me ♥ Makeup Master Class
รีวิวรองพื้นยี่ห้อต่างๆ
รีวิวอุปกรณ์ที่ใช้ในการทารองพื้น
ถ้าเป็นการแต่งหน้ารับปริญญาควรจะใช้รองพื้นยี่ห้ออะไรถึงจะดีที่สุดคะ